การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ : ทวีปที่สาบสูญ ดูสิถามกี่คำก็เซอะไย!

ชีวิตคืออะไรใครรู้บ้าง

หรือเปล่าว่างไร้ค่าบ้าทุกสิ่ง

เอนหลังชนพนักเบาะพักพิง

หลังหวานทิ้งตั๋วรถให้ในฝ่ามือ

 

รถสีแดงแล่นไปในสายฝน

ยินเม็ดน้ำพรำหล่นปนลมหวือ

เสียงเบาะอื่นปรึกษากันหารือ

เรื่องของซื้อของขายในเขตเวียง

 

สาบผ้าเสื้อเหงื่อไคลกลั้วในกลิ่น

ในรถยินท่วมทับสรรพเสียง

ชั่วขณะสงสัยในใจเพียง

ฝนตกเฉียงเป็นจริงหรือสิ่งฝัน?

 

ในบางครั้งคนเราก็เศร้าโศก

จนมีโลกอีกโลกซ้อนอยู่นั่น

โลกซึ่งเรื่องใหญ่น้อยกี่ร้อยพัน

ก็เสกสรรค์ดีเด่นเป็นนิยาย

 

ตัวละครยากจนหมู่คนทุกข์

ทำดีเสียก็จะสุขพ้นวนว่าย

เพียงอย่าคิดอย่าถามความต้นปลาย

ฉากสุดท้ายคือเจ้าชายคือเจ้าหญิง

 

ในบางครั้งคนเราก็เศร้ามาก

จนอยากพรากพ้นไปไกลทุกสิ่ง

แต่สุดท้ายเลือดเนื้อจริงเหลือจริง

เราแค่วิ่งวนอยู่ในรูเดิม

 

รถสีแดงแล่นไปในถนน

บางครั้งจอดรับคนขึ้นมาเพิ่ม

สัมภาระลากขึ้นคนยืนเติม

จึงรถเริ่มแออัดคนถัดคน

 

เสียงฝีเท้ากระเป๋าเดินเข้าใกล้

ไหล่มาเฉียดเบียดไหล่เหมือนด้ายด้น

แทงทะลุเข้าอกถกหนังชน

แล้วเย็บบนแผลกรังยังแปลบใจ

 

ชีวิตคืออะไรในชีวิต

เราลิขิตสร้างรื้อได้หรือไม่

ประวัติศาสตร์ผ่านหน้ามาเท่าใด

เพื่อจะให้ซาบซึ้งถึงโซ่ตรวน?

 

เธอมาเป็นกระเป๋าเฝ้าเก็บตั๋ว

ขณะตัวฉันต้องออกบ้านด่วน

เรากระทำสิ่งใดในกระบวน

เราต่างล้วนตัดสินใจได้จริงจริง?

 

หรือสุดท้ายก็แค่ดักแด้โง่

เพียงคลานโผล่รูรังยังเกาะกิ่ง

ไกลแสนไกลนานแสนนานการช่วงชิง

ความเป็นจริงคือแค่คืบกระดืบไป

 

มีคนรวยมากมายในโลกนี้

พวกเขาขี่รถยนต์บนทางใหญ่

ขณะเราเบียดแน่นแค่นทนไป

โคลงเคลงในรถเก่าเช้าค่ำเย็น

 

[…มีคนรวยมากมายในโลกนี้

พวกเขาขี่รถยนต์บนทางใหญ่

ขณะเราเบียดแน่นแค่นทนไป

โคลงเคลงในรถเก่าเช้าค่ำเย็น…]

 

นึกอยากได้กระดาษมาวาดจด

คำปรากฏเรียงรายเป็นสายเส้น

หลับตาเพียงแอบนึกอยู่ลึกเร้น

ตัวฉันเป็นคนชั้นไหนในโลกา?

 

แล้วรถก็ถึงเชียงใหม่ตอนบ่ายจัด

สารพัดของขายรายส่องหน้า

ทันทีรถจอดสนิทก็ผิดตา

คนแปลกหน้ามากมายในตัวเมือง

 

มีกระบุงตะกร้าเสื้อผ้าผัก

แลประจักษ์ของพร้อมทั้งย่อมเขื่อง

ชายล่ำสันหนวดดำเหลือบชำเลือง

หญิงย่างเยื้องนุ่งกระโปรงลงรถแดง

 

ตีนสะพานนครพิงค์รถวิ่งแล่น

เด็กเกาะแขนแม่ผมดัดจัดผมแต่ง

ชายเปลือยอกขนเครือกล้วยด้วยล่ำแรง

เนื้ออกแกร่งเตี่ยวสะดอรอรถรับ

 

ยกตีนบ้างย่างตรงจะลงรถ

พลันปรากฏคล้ายการเรียกขานขับ

“จะไปไหนใครล่ะจะมารับ

แล้วจะกลับเมื่อไหร่ไปกี่วัน”

 

เป็นดวงตาคู่เดิมเพิ่มคือกล้า

สิ้นสุดเคยเป็นตาพร่าไหวสั่น

ปราศจากฟางเฟืองเหลืองแล้งนั้น

เป็นตาอันคมแกร่งแสดงตา

 

เป็นดวงตาของ “หวาน” ผู้ผ่านไหล่

เพื่อจะกลับมาใกล้ในเบื้องหน้า

เป็นดวงตาหนึ่งห้วงแห่งดวงตา

ที่ผ่านมาบางครั้งยังสะท้อน

 

เราต่างเป็นเพียงคนที่จนยาก

ความลำบากยาวนานแต่กาลก่อน

ถึงช่วงครั้งต้องตัดทางลัดตอน

แค่ละครบทเก่าเก่าฉันเข้าใจ

 

แต่เธอเล่าเข้าใจฉันไหมนั่น

หรือเช่นกันโลกอาจมิหมาดใหม่

เหมือนกงล้อดุมเกวียนเวียนวนไป

สุดท้ายให้มาพบกันเช่นวันนี้

 

“อ้าว ทำไมไม่ตอบชอบยืนนิ่ง

ถามจริงจริงจะไปไหนหรือพี่”

“…ไม่นึกน่ะจะได้พบเธออีกที

ยังไม่มีหรอกจุดหมาย…” ใจซ่อนคำ

 

“ถ้าไม่รีบเธอไปบ้านฉันไหมเล่า

อยู่กินข้าวสักมื้อหรือถึงค่ำ

พี่! หลบสิเลี่ยงหน่อยถอยทางล้ำ

ดูสิถามกี่คำก็เซอะไย!”

 

เกือบสะดุ้งกับมือยื้อคว้าแขน

เหมือนไฟแล่นวูบเปลวเอี้ยวตามไหล่

เพื่อนเก่าคว้ามือจับ…อุ่นจับใจ

จนก้าวขาตามไปไม่รู้ทิศ

 


กว่า 12 ปี ของการจัดงาน Healthcare เครือมติชนร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ส่งต่อความรู้และให้บริการสุขภาพแก่คนไทยในทุกมิติ ทั้งการป้องกัน ดูแล และรักษา โดยเฉพาะการบริการตรวจสุขภาพฟรีจากสถานพยาบาลชั้นนำ เวิร์กชอป ให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพ รวมถึงการยกระดับเวทีเสวนาให้เป็น “Health Forum” เปิดเวทีให้แพทย์ และ Speaker ระดับประเทศ มาร่วมพูดคุยถึงแนวทางการป้องกัน การรักษา และนำเสนอนวัตกรรมทางการแพทย์ รวมถึงเรื่องราวสุขภาพในแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่จะมาให้อัปเดตตลอด 4 วันของการจัดงาน เดินทางสะดวกโดยทางด่วนและ MRT ลงสถานีสามย่าน ทางออกที่ 2
ลงทะเบียนเข้างานฟรี มีต้นไม้แจกด้วยนะ (จำนวนจำกัด)