จรัญ พงษ์จีน : ครม.ประยุทธ์ 2/2 ช้าหรือเร็วก็ต้องเกิด!

จรัญ พงษ์จีน

ทําการบ้านมาดี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ช่วงเดินสาย “พบสื่อ” ทุกสำนัก เก็งข้อสอบถูกว่า ต้องเจอคำถาม “ปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อไหร่”

“บิ๊กตู่” เฉลยข้อสงสัย วรรค วลีเดียวกันทุกฉบับว่า “การปรับ ครม.มีแน่ แต่ประเทศต้องเดินหน้าก่อน ต้องรอให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2564 เสร็จเรียบร้อย เพื่อนำงบประมาณไปดูแลฟื้นฟูเศรษฐกิจ เมื่อคืบหน้าชัดเจน จากนั้นจึงปรับคณะรัฐมนตรี ส่วนใครจะมาร่วมบ้างนั้น อยู่ที่แต่ละพรรค ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม”

ทีนี้เมื่อตามไปดู “ปฏิทิน” หรือไทม์ไลน์พระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี 2564 ซึ่งผ่านการพิจารณาของ “สภาผู้แทนราษฎร” ในวาระที่ 1 ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นล้นเหลือ 273 ต่อ 200 เสียง

ขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ “คณะกรรมาธิการวิสามัญ” จำนวน 72 คน ตามโปรแกรมต้องแล้วเสร็จก่อนวันที่ 11 กันยายน จากนั้นนำกลับสู่การพิจารณาในวาระ 2-3 ของ ส.ส. ระหว่างวันที่ 16-17 กันยายน

ถ้าไม่สะดุดบังตอ นำเข้าโหมดสุดท้าย “วุฒิสภา” พิจารณาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ จึงสะเด็ดน้ำ สามารถประกาศใช้ พ.ร.บ.งบประมาณ 2564 อย่างเป็นทางการได้

ด้วยเงื่อนไขของขั้นตอนต่างๆ เมื่อ พ.ร.บ.งบประมาณ 2564 ไปชนเพดานเอาปลายเดือนกันยายน แผน “ปรับคณะรัฐมนตรี ตู่ 2/2” ต้องชักตะพานแหงนรอถึงเดือนตุลาคม

นานอย่างน้อยๆ 3 เดือน ย่อมมีคน “เหงือกแห้ง” โดยเฉพาะบรรดาเสือป่าแมวเซาใน “พรรค พปชร.” ต่างพากันกระโดดเป็นกุ้งสะดุ้งมะนาว

เนื่องเพราะสามารถร่วมด้วยช่วยกันสนธิกำลังตีป้อมค่าย “กลุ่มสี่กุมาร” จนแตกกระเจิดกระเจิงแล้ว ตามยุทธศาสตร์ศึกสงครามเมื่อประสบชัยชนะแล้วต้อง “จบเร็ว”

อุตส่าห์ตอกไข่ใส่สี จน “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” บิ๊กบราเธอร์ รับประทานจนเมาปลิ้น วัยตาลปัตร อายุจะ 80 อยู่หลัดๆ จนเกิดอาการโรแมนติก ฝนฟ้าถล่มทลาย คิดว่ามีหิมะตก ได้ยินเสียงนกร้องจุ๊กกรู

อยู่ดีไม่ว่าดี โรคบ้ายอกำเริบ กระโจนมารับอาสานั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรค พปชร.จนสัมฤทธิผลเรียบร้อยแล้ว

ด้วยประการดังกล่าว กลุ่ม มุ้ง ซุ้ม แก๊งต่างๆ ใน พปชร. จึงเกิดอาการหาวเรอ รอให้ปรับคณะรัฐมนตรี ตามไทม์ไลน์ที่ “บิ๊กตู่” กำหนดไว้ว่า จะมีจุดลงตัวหลัง พ.ร.บ.งบประมาณผ่าน ถือว่า “นานไป”

ไฟกำลังลุกโชน จะรอให้เหลือแต่ขี้เถ้าและเขม่าย่อมเป็นไปไม่ได้ ยิ่งล่าสุด “กลุ่มสี่กุมาร” ได้ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้อย่างสง่างาม ด้วยการไขก๊อกออกจากพรรค พปชร. กันอย่างพร้อมเพรียงเรียบร้อยแล้วทั้ง 4 คน

“กลุ่มสหมิตร” ทั้งหลายใน พปชร.จึงมีความชอบธรรมที่จะบริหารชัยชนะ

 

โดย 13 ผู้ก่อการตัวกลั่น ที่ผนึกกำลังกันเป็นหนึ่งเดียวรุมโค่น “สี่กุมาร” สำเร็จสมประสงค์แบ่งเป็น 2 กลุ่ม “หนึ่ง” ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่แล้ว ประกอบด้วย “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง

“ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” รมว.ศึกษาธิการ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์” และ “วิรัช รัตนเศรษฐ” มีลูกชาย “อธิรัช รัตนเศรษฐ” เป็นตัวแทน รมช.คมนาคม

ที่รอเนื้อนาบุญ ขึ้นลิฟต์เป็นรัฐมนตรีร่วม “ตู่ 2/2” ร้อยเปอร์เซ็นต์มี “อนุชา นาคาศัย” ส.ส.ชัยนาท เลขาธิการพรรค พปชร.คนใหม่ ตามตำแหน่งต้องได้ที่นั่ง และ “เสี่ยสุชาติ ชมกลิ่น” แม่ทัพภาคตะวันออก กับ “นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ที่จะปรับเพดานจากโฆษกรัฐบาลเป็นรัฐมนตรี

ตามโผ “กลุ่ม 13 คน” ที่ยึดอำนาจใน พปชร. มีการตั้งตุ๊กตาหมุนติ้ว เก้าอี้ดนตรีในตำแหน่งเสนาบดีกันไว้ในเบื้องต้นหลวมๆ แล้ว อาทิ

1. “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” จะสลับฟันปลาจาก รมว.อุตสาหกรรม เป็น รมว.พลังงาน

2. “อนุชา นาคาศัย” ในฐานะแม่บ้านพรรค ขึ้นชั้นเป็น รมว.อุตสาหกรรม

3. “สุชาติ ชมกลิ่น” จองกรรมสิทธิ์เก้าอี้ รมว.แรงงาน แลกกับ “พรรคกำนัน” ที่จะไปการอุดมศึกษาฯ

และ 4. “นางนฤมล” เป็น รมช.คลัง

ขณะที่ในสัดส่วนของผู้ดำรงตำแหน่งอยู่แล้ว ของแกนนำ พปชร.คนอื่นๆ อาจจะโยกสลับปรับเปลี่ยนกันตามข้อตกลง แล้วแต่ว่ามุ้งไหนมีอำนาจต่อรองมากกว่ากัน

แต่แล้วทำท่าจะฝันยามวิกาลของเหล่าแกนนำ พปชร.เมื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” เล่นคีย์ตีจังหวะ เตะถ่วงเวลาปรับ ครม.โดยโหน “กระแส พ.ร.บ.งบประมาณ” สอดคล้องกับ “กลุ่มสี่กุมาร” ถึงจะแพ้ป่าราบ แต่ไม่ใช่ “คนตาย” ยังไม่ได้เป็น “ศพ” พอมีเรี่ยวแรงหยิบปืนขึ้นมายิงต่อสู้ได้บ้าง

แพ้หรือชนะไม่เกี่ยวกับจำนวน ไขก๊อกจากพรรคพลังประชารัฐหมด 4 คนก็จริง แต่ยังละไว้ในตำแหน่งรัฐมนตรี

“อุตตม สาวนายน” ยังดำรง รมว.คลัง “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เสวยสุขอยู่ในฐานะ รมว.พลังงาน และ “สุวิทย์ เมษินทรีย์” ในตำแหน่ง รมว.การอุดมศึกษาฯ

สามารถค้ำถ่อต่อไปได้ อย่างน้อยๆ ก็ตามปฏิทิน “พ.ร.บ.งบประมาณ 2564” เสร็จในเดือนตุลาคม

เวลา 4 เดือนน้อยเสียเมื่อไหร่ ถ้าปลูกผัก ปลูกหญ้าออกดอกออกผล เลี้ยงควาย ควายโต รอนานขนาดนี้เป็นใครก็ย่อมเสียสติ

แต่แล้วจู่ๆ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทั้ง “สี่กุมาร” รวมถึง “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ก็ตัดสินใจทิ้งเรือแป๊ะกลางพายุกระหน่ำ ลาออกจากตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี

ด้วยประการดังกล่าว การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อไม่กี่วันก่อน เพื่อพิจารณา “ญัตติด่วน” ที่ค้างการประชุมไว้ ปรากฏว่า “นายหัวชวน หลีกภัย” ในฐานะประธานรัฐสภา แม้จะได้ชื่อ “ชวน เชื่องช้า”

ด้วยประสบการณ์อันโชกโชน รู้ว่าเหตุร้ายกำลังก่อตัว ไหวตัวทันเลย “ฮิตาชิ” สั่งปิดประชุมทันควัน หลังตรวจสอบองค์ประชุมแล้วพบว่า ส.ส.อยู่ในห้องเพียง 240 คนจากสมาชิก 499 คน

“สภาล่ม” ครั้งที่ 2 ติดต่อกันแล้วพี่น้อง

มีการเช็กขุมกำลังย้อนหลัง ปรากฏว่าเสียงของรัฐบาลชะแว้บหายไปมากถึง 53 เสียง เหนือสิ่งอื่นใด ส.ส.สังกัดพรรค พปชร.ร่มกางมากที่สุดถึง 27 เสียง

คนที่เป็นประธานวิปรัฐบาลชื่อ “วิรัช รัตนเศรษฐ” มีคอการเมืองตั้งข้อสังเกตว่า “สภาล่ม” บ่อย มีการส่งสัญญาณอะไรบางอย่างถึง “พล.อ.ประยุทธ์” เกี่ยวกับการปรับ ครม.ช้าอะไรหรือเปล่า

แค่ญัตติด่วน ป่วนถึงขนาดต้องปิดประชุม ถ้า “พ.ร.บ.งบประมาณ” ไม่ผ่าน “บิ๊กตู่” ต้องลาออก “ยุบสภา” เท่านั้น

ข่าวคลุกวงในระบุ กลัวหลายโรคจะรุมเร้า “บิ๊กตู่” จะถอยครึ่งก้าว ปรับ ครม.ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม

แต่ขอสงวนสิทธิ์โควต้าเก่าของ “สี่กุมาร” ไว้เป็นโควต้ากลาง เชิญ “คนนอก” มาร่วมวงไพบูลย์

อาทิตย์หน้าจะเปิดตัวว่าไผเป็นไผ