ออสเตรเลียประกาศระงับข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับฮ่องกง พร้อมช่วยชาวฮ่องกงมาตั้งถิ่นฐาน

วันที่ 9 กรกฎาคม 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นายสก๊อต มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียประกาศมาตรการช่วยเหลือชาวฮ่องกงให้สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ในออสเตรเลียได้ พร้อมเวลาวีซ่าไปอีก 5 ปี รวมถึงระงับข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับฮ่องกง หลังจากมีการประกาศบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฮ่องกงโดยรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งภายใต้กฎหมายนี้ ผู้ต้องสงสัยชาวฮ่องกงจะถูกส่งไปพิจารณาคดีในศาลภายใต้อำนาจพรรคคอมมิวนิสต์จีนบนจีนแผ่นดินใหญ่ได้

นายมอร์ริสันกล่าวว่า กฎหมายความมั่นคงฮ่องกงฉบับใหม่นี้ได้เปลี่ยนหลักการพื้นฐานและทำให้ออสเตรเลียต้องระงับข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน

“จะมีพลเมืองของฮ่องกงที่อาจต้องการย้ายไปที่อื่นเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ เพื่อใช้ทักษะหรือทำธุรกิจ” นายมอร์ริสัน กล่าว

ในส่วนของวีซ่ากับชาวฮ่องกงนั้น ออสเตรเลียได้ประกาศมาตรการช่วยชาวฮ่องกงที่พำนักอยู่ในออสเตรเลีย โดยที่นักศึกษาฮ่องกงที่สำเร็จการศึกษาในออสเตรเลียจะได้โอกาสอยู่ต่อเป็นเวลา 5 ปี และสามารถดำเนินการยื่นพำนักถาวรหลังจากนั้นได้ ส่วนชาวฮ่องกงที่ได้วีซ่าทำงานชั่วคราว ออสเตรเลียได้ขยายเวลาไปอีก 5 ปี และสามารถยื่นขอพำนักถาวรได้ ซึ่งในขณะนี้ มีพลเมืองฮ่องกงเป็นทั้งนักศึกษาและทำงานอยู่เป็นจำนวน 10,000 คน

นอกจากนี้ ออสเตรเลียได้จัดชุดบริการด้านการเงิน การให้คำปรึกษาและธุรกิจสื่อระหว่างประเทศ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในฮ่องกง และจะย้ายไปยังออสเตรเลีย พร้อมกับกล่าวว่าจะเสนอสิ่งจูงใจและวีซ่าแพ็คเกจให้กับพนักงานที่โยกย้ายตาม

ไม่เพียงเท่านี้ ออสเตรเลียได้ปรับเปลี่ยนคำแนะนำการท่องเที่ยวสำหรับฮ่องกง ซึ่งมีชาวออสเตรเลียทั้งอาศัยและทำงานอยู่ในฮ่องกงราว 100,000 คน โดยกล่าวว่า เพื่อเป็นทบทวนการตัดสินใจที่จะอยู่ฮ่องกง หากมีความกังวลต่อกฎหมายความมั่นคงฮ่องกง

การประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงฮ่องกงของจีนได้สร้างความกังวลและท้วงติงจากประชาคมระหว่างประเทศ จนทำให้บางประเทศอย่างอังกฤษเสนอทางช่วยเหลือชาวฮ่องกงที่ต้องการลี้ภัยมาอาศัยอยู่ในอังกฤษ หรือไม่นานนี้ แคนาดา ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะระงับข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับฮ่องกง

ทั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษและออสเตรเลียได้ทวิตข้อความเผยภาพที่รัฐมนตรีต่างประเทศ 5 ชาติได้แก่ ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐฯ นิวซีแลนด์และแคนาดา หารือประเด็นความมั่นคงเกี่ยวกับฮ่องกงและกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่