จรัญ พงษ์จีน : ถึงเวลาเจ้าของ พปชร. ตัวจริงมาทวงคืน

จรัญ พงษ์จีน

หลัง” พระราชกำหนดเงินกู้ 3 ฉบับ” เพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโรคระบาด “โควิด-19” โหวตผ่านสภาผู้แทนราษฎรแบบฉลุย “งบฯ กองที่ 3” ตัวเลขกลมๆ วงเงิน 400,000 ล้านบาท มิต่างอะไรกับคนภูเขากำลังเจอ “ตาน้ำ”

เป็นใครย่อม “น้ำลายไหล” ธรรมดา แล้วนับประสาอะไรกับผู้ทรงเกียรติ จะทนไหวหรือ เลยพากัน “ลิ้นไก่สั้น” เลียปากกันมันแผล็บ ไม้โทหลุด ฝันกลางวันว่าเป็น “พ.ร.ก.เงินกู” จะต้องหยิบชิ้นปลามันกันสนุกอีกละรอบนี้

“พรรคพลังประชารัฐ” แกนนำรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ต่อมน้ำลายแตกดังโพละก่อนใครเขาเพื่อน หลัง “พ.ร.ก.เงินกู้ 3 ฉบับ” ยอด 1.9 ล้านล้าน ขึ้นสำรับได้ไม่ถึงครึ่งวัน

ชิงลงมือ “ยึดอำนาจ” กันแบบโดยพลัน โดยส่ง “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรค แถลงข่าว ณ ที่ทำการพรรคแห่งใหม่ ย่านรัชดาฯ ว่า ได้รับหนังสือลาออกจาก กรรมการบริหารพรรค จำนวน 18 คน จึงทำหนังสือถึงหัวหน้าพรรคแจ้งวัตถุประสงค์การลาออก มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป

“และเป็นเหตุให้ตำแหน่งกรรมการบริหารว่างลงเกินกึ่งหนึ่ง เป็นเหตุให้ กก.บห.ทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่ง ตามข้อบังคับพรรคข้อที่ 15 ที่ระบุว่า ให้เลือกตั้งชุดใหม่ภายใน 45 วัน ตามวรรคสาม และในวรรคสี่ระบุให้ชุดเก่าปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีชุดใหม่ จึงขอให้หัวหน้าพรรครักษาการเรียกประชุม กก.บห.โดยเร็ว เพื่อกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญเพื่อเลือกตั้งชุดใหม่”

“เอวัง” ด้วยประการฉะนี้ก็มีแฮ “นายอุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรค พปชร. ถูก กก.บห. 18 คน ทำ “ปืนลั่น” ดับม่องเท่งอย่างน่าอนาถ กลางวันแสกๆ แล้ว แต่ตามไฟต์บังคับพรรค ต้องให้คนที่ถูกฆ่าตายแล้ว มาทำหน้าที่ประเคนเก้าอี้ให้ผู้มาใหม่อีก

ในเวลาต่อมา มีการเปิดเผยนาม 18 กรรมการบริหารพรรค พปชร.ที่ยื่นใบลาออก ให้ “ชุดเก่า” หมดสภาพลงโดยอัตโนมัติ เปิดทางสะดวกให้มีการเลือกตั้ง กก.บห.ชุดใหม่ จากจำนวนเต็ม 34 คน

ประกอบด้วย 1.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 2.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 3.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 4.นายสันติ พร้อมพัฒน์ 5.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน 6.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ 7.นายสุพล ฟองงาม 8.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า 9.นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ 10.นายไผ่ ลิกค์ 11.นายสัมพันธ์ มะยูโซะ 12.นายชาญวิทย์ วิภูศิริ 13.นายสกลธี ภัททิยกุล 14.นายนิโรธ สุนทรเลขา 15.นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ 16.นายนิพันธ์ ศิริธร 17.นายพงษ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ 18.นายสุรชาติ ศรีบุษกร

 

ดังที่เคยบอกมาก่อนว่า ศึกรื้อนั่งร้านใน พปชร.ระอุมานาน และก่อตัวเป็นวุ้นช่วงแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผู้เปิดประเด็นว่า กรรมการบริหารพรรค เทน้ำหนักไปที่ “หัวหน้า-เลขาฯ พรรค” ระหว่าง “อุตตม สาวนายน-สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ว่าไม่ค่อยรู้ร้อนรู้หนาวลูกพรรคเพื่อโรคระบาดสักเท่าไหร่ ขอความช่วยเหลืออะไรไปไม่ค่อยได้เรื่อง

หลายกลุ่มใน พปชร.เห็นพ้องต้องกันว่า ท่าทีของ “สี่กุมาร” ต่อลูกพรรค ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วน มันสะสมดำเนินมานานแล้ว เพราะตัวเองบริหารพรรค เท้าไม่ติดดิน สาเหตุมาจากไม่ได้เป็น ส.ส.ทั้งบัญชีรายชื่อ หรือเขตเลือกตั้ง

จึงมีการเคลื่อนไหวให้มีการปรับเปลี่ยน และพูดจากันเป็นจริงเป็นจังในวันที่มีการบวงสรวงเปิดที่ทำการพรรค พปชร.แห่งใหม่ มีการล่ารายชื่อ

ปรากฏว่าทุกกลุ่ม ทุกมุ้งเห็นด้วย โดยเสนอว่า “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ประธานยุทธศาสตร์พรรค เป็นผู้ใหญ่สุด ช่วงเลือกตั้งใหญ่ รู้ๆ กันอยู่ว่า เป็นผู้หากระสุน-ดินดำ ทุกเม็ด ทุกสตางค์ มาดูแลรับผิดชอบ จนชนะเลือกตั้ง

“บิ๊กป้อม” ไม่ต่างอะไรกับ “เจ้าของบ้านตัวจริง” ทุ่มเทสร้างพรรคมาด้วยสองมือ แต่ใจสปอร์ตยอดขุนพล อนุญาตให้บุคคลอื่นตีตราขึ้นทะเบียนเป็นเบอร์หนึ่งยึดกรรมสิทธิ์ไป

ลูกพรรค ส.ส.ส่วนใหญ่ จะรู้แจ้งแทงทะลุว่า “บิ๊กป้อม” คือห้องเครื่องสำคัญสุดของ พปชร. อย่าว่าแต่ผู้คนเลย แม้กระทั่งหมาแมวในพรรคทุกตัวก็รู้ประจักษ์ในทุกสรรพสิ่ง

แต่การขับเคลื่อนล่ารายชื่อลาออก “ยกแรก” เจอมือเซียนปล่อยข่าวลือเป็นตุเป็นตะว่า “พล.อ.ประวิตร” จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค “แพ็กคู่” ซื้อเหล้าแถมเบียร์ ได้ “นายสันติ พร้อมพัฒน์” มานั่งแม่บ้าน เป็นเลขาธิการพรรค และบังเอิญพอดิบพอดี ทำให้เรื่องราวเป็นปี่กับขลุ่ย เนื่องจากที่ทำการแห่งใหม่ของ พปชร.ย่านรัชดาฯ “เสี่ยสันติ” บริจาคให้พรรคใช้บริการฟรี

การปล่อยโผ “บิ๊กป้อม-สันติ” มาคุม พปชร.เหมือนกับเตี้ยอุ้มค่อม ผอมอุ้มอ้วน เลยทำให้กรรมการบริหารพรรคที่รับปากว่าจะร่วมลงชื่อ จากที่ตกลงไว้เดิม 18 คน ถอนตัวไป 6 ราย

เป็นมุ้งภาคเหนือ 4 คน ภาคกลาง 1 คน และภาคใต้ 1 คน เหลือเพียง 12 คน

เกมการเมืองใน พปชร. กลุ่มสี่กุมาร พลิกกลับมาเป็นต่อทันที เพราะการลาออกไป 12 คน เบี้ยวไป 6 รายนั้น เท่ากับว่า กรรมการชุดเดิมยังมีอิทธิฤทธิ์ หากเดินหมากอย่างเซียน

เร่งแต่งตั้ง “บุคคลอื่น” มาเป็นกรรมการบริหารพรรค แทนที่ลาออกไป 12 ที่นั่ง จะทำให้ “สี่กุมาร” ยึดอำนาจพรรคไว้ได้ทั้งหมด แต่ด้วยความอ่อนหัด ปล่อยให้มีการขับเคลื่อนต่อใน “ยกที่สอง”

มีการล่ารายชื่อเพิ่ม ปรากฏว่า ทุกกลุ่มมาร่วมแจม เหมือนฝูงหมาป่ารุมสหบาทา ไล่ล่าฆ่าลูกแกะ นับยอดได้มากถึง 24 คน จากกรรมการบริหารพรรค 34 ตำแหน่ง

เหลือเพียง “กลุ่มสี่กุมาร” กับ “ซุ้มภาคตะวันออก”

เหนือสิ่งอื่นใด ฝีมือ ชั้นเชิงทางการเมืองละอ่อน ดุจ “ทารก” ตัวน้อยๆ จึงไม่ค่อยรู้ว่า ตรงไหนอ่าว หรือแหลม

ดังที่ตกเป็นข่าวว่า วันลงมติ พ.ร.ก.เงินกู้ 3 ฉบับ 1.9 ล้านล้าน

“สี่กุมาร” สะดุดเหลี่ยม ถูกหลอกให้นำ 60 ส.ส.มาอวดกล้ามโชว์พลัง หมายเกทับบลั๊ฟฟ์แหลก “ลุงป้อม”

เหมือนคนตาบอดได้ยินเสียงใบไม้ร่วงลงพื้น คิดว่าเป็นทิศทางลม “อุตตม-สนธิรัตน์” เลยหลงกล คิดว่า “บิ๊กป้อม” หมดพิษสง เดินเหินยังต้องหิ้วปีก “ลุง” เลยโชว์แม่ไม้มวยไทยท่า “เถรกวาดลาน” ให้ดูชม เลยพากันล้มทั้งยืน

ให้มันรู้มั่งว่า ไผเป็นไผ

 


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย.63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่