เผยแพร่ |
---|
มีความพยายามแยก “เศรษฐกิจ” ออกจาก “การเมือง” มีความพยายามแยก “การเมือง” ออกจาก “เศรษฐกิจ” เหมือนกับ 2 ส่วนไม่เกี่ยวข้องและสัมพันธ์กัน
เมื่อมีเสียงเรียกร้องในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็มีผู้โต้แย้งขึ้นว่า รัฐธรรมนูญจะมีประโยชน์อะไรถ้าหากท้องยังหิวอยู่
ความหมายก็คือ ต้องเน้นเศรษฐกิจก่อนการเมือง
เช่นนี้เองแม้พรรคประชาธิปัตย์จะมีประเด็นการแก้ไขรัฐธรรม นูญเป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาล ในการสนับสนุน พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็มิได้เป็นเรื่องรีบด่วน ค่อยๆทำ ค่อยๆแก้ไขก็ย่อมได้
นั่นคือ รูปธรรมการแยกเศรษฐกิจออกจากการเมือง
พลันที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส พลันที่ผลสะเทือนจากมาตรการ”เข้ม”อันสัมพันธ์กับการประกาศและบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน
ปัญหาความสัมพันธ์ของ “เศรษฐกิจ” กับ “การเมือง”ก็หวนกลับมาเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองขึ้นโดยอัตโนมัติ
แท้จริงแล้ว เศรษฐกิจ การเมือง สัมพันธ์กันหรือไม่
การแพร่ระบาดของไวรัสมิได้มีผลแต่เพียงในทางสุขภาพเท่านั้น หากแต่ยังมีผลในการจัดระเบียบการดำรงชีวิตของประชา ชนอย่างมีนัยสำคัญ
แม้ประชาชนจะยินยอมให้”สุขภาพ”อยู่เหนือ”เสรีภาพ”ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ด้วยระยะเวลาอันแน่นอนหนึ่งความเรียกร้องต้องการเสรีภาพก็เริ่มเกิดขึ้น
อาจจะยังเงียบๆในเบื้องต้น แต่พลันที่สภาพความเลวร้ายในทางเศรษฐกิจเริ่มมีความเด่นชัดสัมผัสได้ในทางรูปธรรม
ความเรียกร้องในเสรีภาพ ในทางการเมืองก็เริ่มรุนแรง
ต้องยอมรับว่าผลสะเทือนจากมาตรการ”เข้ม”ภายใต้การประกาศ และบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินมีจุดเริ่มต้นมาจากความเดือดร้อนในทางเศรษฐกิจ
ความเดือดร้อนในทางเศรษฐกิจนั้นเองทำให้การประกาศและบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินเริ่มถูกท้าทาย
ท้าทายระหว่างกลัว”ไวรัส” กับกลัว”ความหิว”มากยิ่งกว่า
เมื่อปัญหาทางเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ได้รับความเดือด ร้อน ความเรียกร้องต้องการในเรื่องเสรีภาพ ในเรื่องทางการเมือง จึงเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
จากประเด็นทางสุขภาพ กลายเป็นประเด็นทางเสรีภาพ จากปัญหาเศรษฐกิจ กลายเป็นประเด็นทางการเมือง
กลายเป็นความหงุดหงิดไม่พอใจ ไม่มั่นใจ”รัฐบาล”