โตโยต้า “อินโนวา คริสต้า” รถครอบครัว “ซิ่งก็ได้-ชิลก็ดี”

สันติ จิรพรพนิต

การดำเนินชีวิตของผมในแต่ละปี นอกจากการทำงานปกติแล้วจะเดินทางไปทำข่าวหรือทดสอบรถต่างประเทศ และสุดท้ายคือการพักผ่อนเหมือนมนุษย์เงินเดือนทั่วไป

และทุกๆ ปีจะมี 1 ทริปที่พาครอบครัวทั้งพ่อแม่-น้องๆ และแฟน เดินทางไปพักผ่อนต่างจังหวัดแบบพร้อมหน้าพร้อมตา โดยปกติจะใช้โอกาสที่น้องสาวคนหนึ่งซึ่งทำงานอยู่สหรัฐอเมริกา เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านจัดแฟมิลี่ทริป 3 วัน 2 คืน

ปีนี้ก็เช่นกัน แต่ต่างนิดหน่อยตรงที่น้องสาวซึ่งทำงานต่างประเทศไม่ได้เดินทางกลับมา คราวนี้เหลือเดินทางไปกัน 6 คน

ในทุกๆ ทริปจะถือโอกาสทดสอบรถยนต์ไปในตัว ซึ่งแน่นอนว่าเป็นรถครอบครัวขนาดใหญ่ ซึ่งปกติผมไม่ค่อยทดสอบรถประเภทนี้มากนัก เพราะจะไม่ได้ข้อมูลตามการใช้งานจริงๆ เนื่องจากขับเพียงลำพังเสียส่วนใหญ่

คราวนี้เลือกโตโยต้า “อินโนวา คริสต้า” รถแบบ 6 ที่นั่งตามจำนวนสมาชิกร่วมทริป จุดหมายปลายทางอยู่ที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งมีเส้นทางหลากหลายให้ทดสอบ ทริปนี้สนุกและอบอุ่นตามประสาการเที่ยวในครอบครัวเหมือนทุกปี แต่ขณะเดียวกันก็เป็นประสบการณ์พักผ่อน “นรกแตก” ที่สุดของผม

ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นตอนท้ายๆ จะเล่าสู่กันฟัง

อินโนวา คริสต้า เป็นรถครอบครัวอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวี ซึ่งอยู่ในโครงการ “IMV” (Innovative International Multi-purpose Vehicle) ซึ่งผลิตรถ 3 รุ่นบนแพลตฟอร์มเดียวกัน คือกระบะ “รีโว่” (หรือรุ่นเดิม-วีโก้) ปิกอัพดัดแปลง “ฟอร์จูนเนอร์” และรถเอ็มพีวี “อินโนวา”

อินโนวา รุ่นใหม่เปิดตัวเมื่อปลายเดือนกันยายน 2559 ตามหลังรีโว่ และฟอร์จูนเนอร์  โดยรุ่นเดิมนั้นมีให้เลือกทั้งรุ่น 7 และ 8 ที่นั่ง แต่รุ่นล่าสุดเป็นแบบ 6-7 ที่นั่ง รุ่นที่ผมได้มาทดสอบเป็นตัวท็อป 2.8V เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

รูปร่างหน้าตาภายนอกออกแบบดูบึกบึน กระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่พร้อมสเกิร์ต ไฟหน้า LED Projector พร้อม Daytime Running Lights ต่ำลงมาเป็นไฟตัดหมอกหน้า ส่วนด้านท้ายออกแบบดูเรียบๆ แต่หรูในที ด้านบนเป็นสปอยเลอร์ พร้อมเสาอากาศแบบ Shark Fin

กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว และไฟ Welcome Light ซึ่งจะส่องลงพื้นเพื่อความสะดวกในยามค่ำคืน

ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ขนาดกำลังเหมาะ บริเวณกระจกมองข้างและไฟท้ายติดตั้ง “แอร์โรไดนามิก ฟิน” ช่วยลดแรงปะทะของลม

แน่นอนว่าจุดเด่นสุดของรถครอบครัวคือความสะดวกสบายภายใน ความกว้างขวางถือว่าพอสมควรแม้จะใช้สีดำก็ตาม พวงมาลัย 4 ก้อนพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ใช้งานง่าย

มาตรวัดเรืองแสง Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID หน้าจอสีแบบ TFT

ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมรองรับระบบ T-CONNECT พร้อมระบบเนวิเกเตอร์ และส่งภาพจากกล้องมองหลังเวลาถอย

เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบ Captain Seat แยกเบาะออกจากกันโดยเว้นช่องตรงกลางเพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

การพับเบาะเพื่อเปิดทางเข้าที่นั่งแถว 3 แบบจังหวะเดียว

ส่วนที่นั่งแถว 3 แม้จะทำพนักพิงศีรษะไว้ 3 จุด แต่การใช้งานจริงนั่ง 2 คนจะเหมาะกว่า

พื้นที่นั่งแถว 3 ยกสูงขึ้นนิดหน่อย อาจทำให้คนที่ตัวสูงเกิน 160 ซ.ม. วางเท้าไม่สะดวกนักหากต้องเดินทางไกลๆ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงที่ไม่สูงมาก หรือเด็กๆ ก็สบายอยู่

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เจาะช่องแอร์บนเพดานให้ทุกที่นั่งเป็นแบบแยกส่วน เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน

ดูหรูหราขึ้นกับไฟส่องสว่างในห้องโดยสารแบบซ่อนฝ้า

ระบบความปลอดภัยมาครอบถ้วน อาทิ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมการทรงตัว และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ฯลฯ

รุ่นนี้ใช้ระบบ “Smart Entry”ควบคุมการล็อก-ปลดล็อกประตูอัจฉริยะ เพียงพกกุญแจติดตัวสามารถกดเปิดปิดที่ปุ่มบริเวณมือจับประตูหน้าทั้งซ้าย-ขวา

กดปุ่ม “Push Start” เบาๆ เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.8 ลิตร ก็คำรามขึ้นแต่เสียงไม่ได้ดังแบบดีเซลสมัยโบราณ

เกียร์แบบขั้นบันไดพร้อมปรับเป็นเกียร์ธรรมดาเมื่อดึงเข้าหาตัวผู้ขับขี่ เพื่อขยับขึ้น (+) และลง (-) ทริปนี้ใช้ค่อนข้างบ่อยเพราะเส้นทางที่ผ่านเจอโค้งเยอะพอสมควร รวมถึงใช้เพิ่มกำลังเพื่อแซงรถคันหน้า ในยามขับขี่บนถนนแบบ 2 เลนสวนกัน

อัตราเร่งตีนต้น-กลางทำได้ดีเยี่ยม แต่ความเร็วปลายผมไม่ได้ทดสอบเนื่องจากไม่อยากให้ผู้โดยสารกังวลเกินไป

ความเร็วจึงป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ 90-130 ก.ม./ช.ม. เป็นหลัก

อินโนวา คริสต้า ให้อัตราเร่งน่าพอใจแม้การเชนจ์เกียร์จะมีช่วงหยุดรออยู่นิดๆ แต่ใช้ไปแป๊บเดียวก็ชินและจับจังหวะได้ ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด

การเร่งแซงในยามเจอถนน 2 เลนสวนทำได้อย่างมั่นใจ

ความนุ่มนวลของช่วงล่างเมื่อบรรทุกคนเต็มอัตรากำลังดีไม่กระเด้งกระดอนให้ผู้โดยสารบ่น

โดยรวมแล้ว “อินโนวา คริสต้า” เป็นรถครอบครัวขนาดกลาง ที่ขนกันไปได้เยอะและขับง่าย ขับสนุกไม่แพ้รถเก๋ง ส่วนสนนราคารุ่นท็อป 1,399,000 บาท และมีอีก 2 รุ่นราคา 1,129,000-1,235,000 บาท

อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าทริปนี้มีความสุขและสนุกตามประสาคนในครอบครัว แต่ก็เจอประสบการณ์ “นรกแตก” เกี่ยวกับรีสอร์ต ที่พัก

ช็อกแรกเมื่อเดินทางไปถึงวันเสาร์ที่ 4 มีนาคม…รีสอร์ตที่อยู่ติดกันจัด “งานบวช”!!!

ลำโพงขนาดใหญ่เปิดเพลงสนั่นหวั่นไหว แต่ดีหน่อยราวๆ 3 ทุ่มก็จบ

รุ่งขึ้นวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม โดนปลุกตั้งแต่ 6 โมงเช้าเศษๆ ด้วยเสียงเพลงเพราะเตรียมขบวนแห่นาคเข้าโบสถ์ และกลับมาจัดเลี้ยงตอนเที่ยงอีก

ผมและครอบครัวแก้ปัญหาด้วยการออกไปเที่ยวข้างนอก กลับมาอีกทีตอนค่ำๆ งานบวชจบไปแล้ว…เฮ้อ

หงุดหงิดสุดๆ ไม่ได้โทษงานบวช แต่โทษรีสอร์ตที่ผมพักว่าตอนที่จองทำไมไม่แจ้ง จะบอกว่าไม่ทราบก็คงแปลกๆ อยู่ เพราะงานบวชไม่ใช่นึกจะจัดก็จัด แต่ต้องเตรียมงานเป็นเดือนๆ

แต่เอาเถอะ…มองในแง่ดีทางรีสอร์ตอาจไม่รู้จริงๆ ก็ได้ หรืออาจมารู้เรื่องหลังจากครอบครัวผมจองที่พักไปแล้ว…แต่ถ้าเป็นที่พักดีๆ หากมารู้ทีหลังก็ควรต้องแจ้งลูกค้าหรือเปล่า!??

หรืออย่างน้อยก็เปลี่ยนห้องให้อยู่ห่างจากต้นเสียงมากที่สุด…แต่ก็เปล่า

ทว่า ไม่จบแค่นั้น เพราะวันสุดท้ายจันทร์ที่ 6 มีนาคม ตามกำหนดต้องเช็กเอาต์ออกตอนเที่ยง ก็ยังต้องตื่นตั้งแต่ 8 โมงเศษๆ อีก เมื่อเสียงเครื่องตัดเหล็ก “จี๊ด” เข้าหู

จี๊ดแบบดังสนั่นสุดๆ เพราะรีสอร์ตต่อเติมห้องชั้นล่างขณะที่ผมนอนอยู่ห้องพักชั้นบน!!!

แม้จะแจ้งพนักงานให้บอกช่างหยุดทำงานสักพักได้ไหมเพราะกำลังจะเช็กเอาต์แล้ว แต่ไม่เป็นผลเพราะการตัดเหล็กและเสียงตอกโป๊กเป๊กยังมีมาเรื่อยๆ สุดท้ายต้องยอมแพ้รีบเช็กเอาต์ออกไปพ้นๆ

แค่สงสัยว่ารอให้ลูกค้าเช็กเอาต์แล้วค่อยทำไม่ได้เหรอ!!!

เพราะวันนั้นเหลือลูกค้าที่พักเพียงครอบครัวผมเท่านั้น

แต่เอาเถิดทางรีสอร์ตขอโทษขอโพยมาเรียบร้อย จึงขอไม่เอ่ยชื่อแล้วกัน เพียงแต่อยากให้เป็นตัวอย่างของที่พักอื่นๆ ควรแก้ปัญหาในการบริการก่อนที่จะเกิดเรื่องและสร้างความรู้สึกแย่ๆ ให้กับลูกค้า