จรัญ มะลูลีม : เกมส์การเมืองมาเลเซีย สู่ “มหาธีร์” หล่นจากอำนาจ

จรัญ มะลูลีม

อวสาน มหฏิร โมฮัมมัด (1)

มหฏิร โมฮัมมัด ที่คนไทยคุ้นเคยและเรียกเขาว่ามหาธีร์ อดีตนายกฯ สองสมัยของมาเลเซียวัย 94 ปี ต้องลงจากอำนาจอย่างไม่มีใครคาดคิดหลังจากอยู่ในอำนาจมาได้สองปี

แม้ว่าเขาเคยสัญญาจะให้อันวาร์ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) อดีตรองนายกรัฐมนตรีในสมัยที่เขาเป็นนายกฯ สมัยแรกขึ้นมารับช่วงต่อจากเขาก็ตาม

แต่สองปีผ่านไปเขาก็ยังคงไม่ยอมลงจากอำนาจ ในเรื่องนี้เขากล่าวว่า ความไม่อดทนของอันวาร์ ทำให้เขาและอันวาร์สูญเสียทั้งคู่

หลังจากชะลอการลาออกจากตำแหน่งมาสามสัปดาห์ มหฏิรกล่าวว่า อันวาร์คู่แข่งของเขาที่กลายมาเป็นพันธมิตรในการเลือกตั้งครั้งหลังสุดจนเขาได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งเป็นคนกระหายอำนาจ

แม้จะหลุดจากตำแหน่งไปแล้ว มหฏิรในวัย 94 ปี บอกว่าเขาจะไม่ลาออกจากการเป็นนักการเมืองตามที่ใครๆ คาดหมายเอาไว้

แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เขากลับยืนยันว่าจะอยู่กับการเมืองต่อไปหากว่าประชาชนยังต้องการเขาอยู่

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าการบริหารของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มุฮัยยิดดีน ยัซซีน (Muhyiddin Yassin) มีความผิดพลาด

อดีตนายกฯ ของมาเลเซียกล่าวต่อไปว่า “จนถึงเวลานี้พวกเขาก็ยังมาหาผมกันอยู่เสมอ”

 

มหฏิรกล่าวกับ Nikkei Asian Review เมื่อเขาให้สัมภาษณ์จากปุตราจายา (Putrajaya) อันเป็นที่ทำงานของเขา เมื่อเขาอ้างถึงแกนนำในพรรคและผู้สนับสนุนเขา

“ผมบอกพวกเขาว่า ดูเอาสิ ผมนั้นอายุก็ปาเข้าไป 94 ปีแล้วนะ แต่พวกเขาก็พูดว่า พวกเขา (ยังไม่เห็นใคร) ที่มีประสบการณ์เลย ผมเคยเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีประสบการณ์มานานหลายปีมาก (และ) ผมได้เรียนรู้หลายอย่าง ดังนั้น พวกเขาจึงคิดว่าผมสามารถแก้ไขปัญหาอันหลากหลายได้”

มหฏิรยืนกรานว่าเป็นเรื่องของความเห็นแก่ตัวหากว่าเขาจะลาออก เพราะตัวเขายังเป็นผู้แทนราษฎรจากลังกาวี อันเป็นตำแหน่งที่เขาต้องการจะรักษาเอาไว้จนกว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะมาถึง

“ผมทนดูรัฐบาลที่ทำบางสิ่งบางอย่างผิดพลาดไม่ได้”

มหฏิรใส่เสื้อแจ๊กเก็ตสีเทาที่มีลายเซ็นของเขาติดอยู่ขณะให้สัมภาษณ์โดยมองผ่านมาทางทะเลสาบของปุตราจายา อันเป็นเมืองเอกของการบริหารที่เขาสร้างขึ้นมาในสมัยที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรก โดยเมืองที่ได้รับการวางผังที่ดีไว้แล้วนี้ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางการทำงานของรัฐบาลมาตั้งแต่ปี 1999

เมื่อถูกถามว่าเขายังคงต้องการจะลงแข่งในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะมีขึ้นในปี 2023 หรือไม่?

มหฏิรตอบว่า เขาก็ปรารถนาเช่นนั้นถ้าประชาชนยังต้องการเขา

แต่ “ถ้าคุณถามผม ผมก็คงไม่ต้องการ เนื่องจากพอถึงเวลานั้นผมจะมีอายุ 98 ปีแล้ว”

ในเรื่องของอันวาร์ มหฏิรได้พูดถึงเขาว่า ตั้งแต่ปี 1998 แล้วที่คนอายุ 72 ปีคนนี้ขาดความอดทนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ในเวลานั้นมหฏิรกับอันวาร์เป็นเบอร์ 1 กับเบอร์ 2 ที่อยู่ภายใต้พรรคสำคัญของรัฐบาลอย่างพรรคองค์การสหชาติมาเลย์ (United Malays National Organization) หรืออัมโน (UMNO)

“นั่นสิ ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่ขาดความอดทนอยู่ตลอดมา” มหฏิรกล่าว “ในช่วงปลายสมัยที่ผมอยู่กับอัมโน ผมได้สนับสนุนเขาจนเขาได้ขึ้นมาเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจต่อจากผม และจะขึ้นมาแทนผมเมื่อผมลงจากอำนาจ แต่เขาก็รอไม่ได้ เพราะว่าผมอยู่นาน จากนั้นเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อโค่นอำนาจผม ซึ่งแน่ละ เขาประสบความล้มเหลว”

 

ถึงเวลานี้มหฏิรก็กล่าวหาอันวาร์อีกครั้งว่า เขารณรงค์ผ่านเด็กของเขาเพื่อขอให้ผมลงจากอำนาจ มหฏิรกล่าวว่า “ผมรู้สึกว่าผมจะลงจากอำนาจก็ต่อเมื่อผมรู้สึกว่าผมปลอดภัยเสียก่อน”

มหฏิรเป็นคนที่ฝึกฝนอันวาร์ให้เป็นทายาททางการเมืองในช่วงแรกของการเป็นนายกรัฐมนตรีที่กล้าแกร่งของเขานับจากปี 1981-2003 แต่มหฏิรก็เป็นหนึ่งในผู้ที่กล่าวหาอันวาร์ว่ามีความผิดตามกฎหมายอิสลามอันเป็นกฎหมายที่มาเลเซียใช้ร่วมกับกฎหมายของแผ่นดิน

ความผิดนี้ได้แก่การมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ (Sodomy) ซึ่งมหฏิรประกาศว่าอันวาร์ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะนำพาคนมาเลเซียส่วนใหญ่ที่เป็นชาวมุสลิมได้

การกล่าวหาอันวาร์ของมหฏิรถูกมองว่าเป็นความพยาบาททางการเมืองโดยองค์การสิทธิมนุษยชนและจากบรรดาผู้นำของโลก รวมทั้งจากอดีตรองประธานาธิบดีอัล กอร์ (Al Gore) ของสหรัฐด้วย

ปี 2004 หลังจากอันวาร์รณรงค์ต่อต้านมหฏิรจากคุกแล้ว เขาก็เริ่มจัดตั้งพรรคยุติธรรมแห่งชาติ (National Justice Party) ที่มีวันอาซีซะฮ์ วัน อิบราฮีม (Wan Azizah Wan Ibrahim) ภริยาของเขาเป็นหัวหน้าพรรค ต่อมาศาลสูงของมาเลเซียก็ยกเลิกข้อกล่าวหารักร่วมเพศของอันวาร์ อันเป็นปีหลังจากมหฏิรลงจากอำนาจแล้ว

อย่างไรก็ตาม ข้อหารักร่วมเพศก็ยังคงตามมาหลอกหลอนอันวาร์อีกครั้งในปี 2015 โดยเขาถูกข้อหาเดียวกันและถูกตัดสินจำคุกห้าปี แต่ได้รับการให้อภัยจากพระราชาธิบดี (ยัง ดีเปอร์ตวน อากง) และได้รับการปล่อยตัวในเดือนพฤษภาคม ปี 2018 เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์หลังจากมหฏิรตั้งพรรคพันธมิตรแห่งความหวัง (Alliance of Hope) ขึ้นมาและก้าวขึ้นสู่อำนาจได้อีกครั้งในฐานะนายกรัฐมนตรี

“ผมไม่เสียใจที่ลาออก” มหฏิรกล่าว “เมื่อมาคิดในเวลานี้การลาออกเป็นความถูกต้องแล้ว เมื่อพรรคของผมเองไม่เห็นด้วยกับทัศนะของผม”

 

การลาออกของมหฏิรเท่ากับเป็นการโยนมาเลเซียเข้าสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองอย่างแท้จริง ทั้งนี้ มหฏิรได้รับการร้องขอให้รักษาการนายกรัฐมนตรีไปก่อน ในขณะที่พระราชาธิบดีสุลต่าน (สุลฏอน) อับดุลลอฮ์ ริอายะตุดดีน ได้เรียก ส.ส. 221 คนมาสัมภาษณ์เพื่อถามถึงผู้นำที่พวกเขาจะเลือกขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญของสหพันธ์ พระราชาธิบดีสามารถแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามที่พระองค์ทรงตัดสินใจได้เพื่อให้เกิดความมั่นใจจากสมาชิกส่วนใหญ่ของสภา

พรรคพันธมิตรแห่งความหวังได้เสนอมหฏิรขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่มาเปลี่ยนจุดยืนภายในเวลาแค่วันเดียว หลังจากมหฏิรไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอการเป็นรัฐบาลผสม

ต่อมาพรรคพันธมิตรกลับเสนออันวาร์ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในเวลาแค่เพียงสองวันต่อมาพรรคก็กลับใจมาหนุนมหฏิรอีกครั้ง แต่ก็สายไปเสียแล้ว เมื่อพระราชาธิบดีได้ตัดสินใจให้มุฮัยยิดดีนสาบานตนขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 8 ในวันที่ 1 มีนาคมไปเรียบร้อยแล้ว

มหฏิรกล่าวว่า เขาผิดหวังมากเมื่อ ส.ส.บางคนเปลี่ยนไปสนับสนุนอันวาร์ และบางคนก็ไปสนับสนุนมุฮัยยิดดีนหลังจากให้สัญญาว่าจะสนับสนุนตัวเขา

“แน่ละ ผมรู้สึกผิดหวังมาก” มหฏิรกล่าว “ผิดหวังเพราะในทางปฏิบัติทุกคนได้ให้สัตยาบัน หรือแม้แต่ลงนามในคำประกาศว่าจะสนับสนุนผม แต่ทั้งหมดก็เป็นแค่การแสดงให้เห็นเท่านั้น”

 

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ส.ส.บางคนมีความตั้งใจจะให้พรรคพันธมิตรแห่งความหวังออกห่างจากพรรคกิจประชาธิไตย (Democratic Action Party) หรือ DAP ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนจีนโดยเอามหฏิรมาเป็นข้ออ้าง

ในการตอบรับแถลงการณ์ของมุฮัยยิดดีนที่มีมาถึงเขา มหฏิรกล่าวว่า มุฮัยยิดดีนได้ขออภัยและจะมาหาเขาทันทีหลังจากนั้น

มหฏิรกล่าวว่า การพบปะกันนั้นมีเงื่อนไขว่า มุฮัยยิดดีนต้องยืนยันว่าการสอบสวนอาชญากรรมของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก (Najib Razak) และรองนายกรัฐมนตรีอะห์มัด ซอฮีด ฮามิดี (Ahmad Zahid Hamidi) ต้องดำเนินต่อไปโดยไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้

มหฏิรกล่าวว่า เขาหวั่นว่านาจิบจะใช้อิทธิพลที่ตัวเขามีอยู่ในปัจจุบันในพรรคอัมโน ซึ่งในเวลานี้มาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลผสมเพื่อลดข้อกล่าวหาของเขาว่าด้วยกองทุนเพื่อความมั่งคั่ง 1 MDB (Malaysia Development Beshard) และ SRC Intermational ที่เกี่ยวพันกันอยู่

ในเวลานี้นาจิบถูกข้อหาฟอกเงินและข้อหาคอร์รัปชั่นอยู่ถึง 42 ข้อหา ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้องอยู่กับ 1 MDB และ SRC ทั้งสิ้น

รัฐบาล (เวลานี้) อาจเอาใจ (นาจิบและอะห์มัด) ด้วยการไม่เพิ่มเติมข้อกล่าวหา “มหฏิรกล่าว (นาญิบ) อาจเลือกที่จะออกจากประเทศไป ในช่วงเวลาของผมเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกประเทศ

แต่เวลานี้เขาอาจจะออกจากประเทศไปอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ถูกกฎหมายก็ได้ ไปอยู่ต่างประเทศและหนีการลงโทษเหมือนกับจโห โลว์ (Jho Low)

มหฏิรกล่าวอ้างไปถึงนักธุรกิจและนาจิบที่ถูกข้อหาฟอกเงิน จโห โลว์ ในเวลานี้กำลังหลบหนีการติดตามของตำรวจสากล และเชื่อกันว่าเขาเดินทางไปประเทศจีน