เพื่อไทย ชี้ รัฐบาลควรขยายจำนวนผู้ที่จะได้รับเงินเยียวยา

“เพื่อไทย” ถาม รบ.แทนที่จะขยายระยะเวลาจ่ายเงินเยียวยา เปลี่ยนมาเป็นขยายจำนวนผู้ที่จะได้รับเงินเยียวยาจะเป็นประโยชน์กว่าหรือไม่ พร้อมจี้ ส.ว.แสดงสปีริตสละเงินเดือนเอามาช่วยปชช.

เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคพท. แถลงข่าวว่า เรื่องเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพราะช่วงนี้คงมีประโยคที่ทักกันว่า ได้หรือยังๆ เงิน 5000 บาท บางคนที่ได้รับแล้วก็ไปโพสลงบนโซเชียลมีเดียว่าอยู่สุขสบายดี จึงอยากถามหามาตรฐานในการคัดกรอง แม้จะบอกว่าใช้เอไอในการตรวจคัดกรองแต่จะต้องสื่อสาร และอธิบายกับประชาชนให้ได้ นอกจากนี้ มติครม.ที่ระบุจะแจกเงินชดเชยจำนวน 5000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ก่อนจะเพิ่มเป็น 6 เดือนนั้น รวมแล้วต่อคนจะได้เงินเยียวยาจำนวน 30,000 บาท แต่จะให้เพียง 9 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งขณะนี้มีคนมาลงทะเบียนทั้งหมด 24 ล้านคน ตัวเลขนี้ไม่ได้มีมาตั้งแต่แรก เพราะเริ่มแรกบอกจะเยียวยาได้เพียง 3 ล้านคน แต่เมื่อมีคนลงทะเบียนมากก็มีการขยายออกไป ทั้งนี้ การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนเป็นสิ่งที่รัฐบาลทุกประเทศต้องทำ แต่การช่วยเหลือเยียวยาต้องตรงกลุ่ม และถึงมือประชาชนที่ได้ผลกระทบหนักที่สุดก่อน แต่จากตัวเลขการลงทะเบียนจะมีผู้ที่ไม่ได้รับเงินเยียวยาถึง 15 ล้านคน จึงขอตั้งคำถามว่า จำนวน 9 ล้านคน เป็นจำนวนที่ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้วหรือไม่ รัฐบาลประเมินตัวเลขจากชุดความคิดอะไร ให้จำนวน 9 ล้านคนเพียงพอ เหมาะสมหรือไม่

เพราะที่ผ่านมารับบาลประเมินตัวเลขผิดพลาดมาโดยตลอด แล้วรัฐบาลใช้ค่าเฉลี่ยใดในการคัดกรอง และมีผู้ที่ไม่ได้รับการเยียวยาจำนวนกว่า 15 ล้านคน เขาจะอยู่อย่างไร จะเยียวยาเขาอย่างไร คนที่กรอกข้อมูลเขาอาจจะกรอกข้อมูลผิด ซึ่งการกรอกผิดไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้รับความเดือดร้อน หรือไม่ได้รับผลกระทบ แล้วระหว่าเลือกขยายวงเงิน กับขบาบกลุ่ม อันไหนจะการกระจายการเยียวยาประชาชนได้มากกว่ากัน ประชาชนเข้าใจว่าเงินที่จะใช้เยียวยาประชาชนมีจำกัด แต่ระหว่างการที่รัฐบาลเลือกขยายระยะเวลาแต่ได้ 9 ล้านคน คือให้ 3 เดือนเท่าเดิม แต่ขยายกลุ่มคนจาก 9 ล้านเป็น 18 ล้านคน จะเป็นประโยชน์มากกว่าหรือไม่ ทั้งนี้ รัฐบาลนี้มีปัญหาเรื่องความเหลื่มล้ำที่แก้ไม่ได้ รวยกระจุก จนกระจาย แต่ไม่น่าเชื่อว่าการแจกเงินเยียวยายังกระจุก รัฐบาลต้องตรวจสอบข้อมูลประชาชนโดยละเอียด โดยเฉพาะประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มข้อมูลของรัฐบาล เช่น ลูกจ้างอิสระ แรงงานรายวัน หรือคนตกสำรวจ สิ่งที่อยากเสนอแนะรัฐบาลคือ ต้องจ่ายเงินเยียวยาถึงมือคนที่เดือดร้อนหนักๆ จริงๆ

นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ต่อมาคือ กรณีที่ภาคสังคมออกมากดดันให้ตัดเงินเดือน ส.ว. แต่สิ่งที่ตนจะเสนอไม่ใช่ให้ไปตัดเงินเดือน ส.ว. แต่ตนกำลังสะท้อนให้เห็นว่า ที่มีกระแสนี้ออกมาเพราะประชาชนมองไม่เห็นประโยชน์ของการมี ส.ว. ชุดนี้ เพราะมองไม่เห็นว่า ส.ว.ทำหน้าที่อะไร ซึ่งต้องยอมรับว่า ถ้ามองย้อนกลับไป ประชาชนรับรู้ดดยทั่วไปว่า ส.ว.ชุดนี้มีปัญหาตั้งแต่ที่มา คือไม่ได้เป็นตัวแทน และไม่ยึดโยงกับประชาชน กรรมการสรรหาส.ว.อย่างน้อย 16 คน มีหน้าที่สรรหาส.ว. แต่สรรหาแล้วได้ตัวเอง ประชาชนจึงตั้งคำว่า เปรียบเสมือนเป็น ส.ว.ของพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อพล.อ.ประยุทธ์ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ผลงานเด่นชัดคือ การโหวตเลือกพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ หลังจากนั้นก็แทบไม่เห็นผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นเรื่องเป็นราว ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะเห็นภาคประชาสังคมออกมากดดัน เพราะเงินเดือน ส.ว. 1 คน บวกคณะทำงาน ประมาณเดือนละ 2.5 แสนบาท มี 250 คน ก็ประมาณ 62.5 ล้านบาทต่อเดือน แถม ส.ว.บางคนเป็นข้าราชการ บางคนเป็นอดีตข้าราชการ มีบำเหน็ด บำนาญ มีรายได้ และเงินเดือนในช่องทางปกติอยู่แล้ว ถือว่าเป็นการรับรายได้หลายทาง วันนี้ประชาชนผู้เสียภาษีในการดูแลท่านเขาเดือดร้อน การแสดงสปีริต และแสดงให้สังคมเห็นว่า ท่านมีจิตสำนึกมีความตระหนักต่อความรับผิดชอบต่อสังคม ประชาชนเขารอดูอยู่ว่าเมื่อไหร่ท่านจะแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม

เมื่อถามว่า หากมีการเรียกร้องให้ตัดเงินเดือน ส.ส.ในการช่วยเหลือชาวบ้านด้วย นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ส.ส.โดยเฉพาะ ส.ส.ของพรรคพท. ทั้งที่ประกาศ และไม่ได้ประกาศจะสละเงินเดือน โดยธรรมชาติต้องสละเงินเดือนไปจัดหาหน้ากากนามัย แอลกอฮอล์ล้างมือ แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ บางพื้นที่ถึงขนาดหุงหาอาหาร บริการให้ประชาชน เพื่อช่วยเหลือเยียวยา กล่าวโดยสรุปคือ โดยธรรมชาติของ ส.ส.ที่มาจากประชาชน เขาต้องสละเงินเดือนเพื่อช่วยเหลือ ดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่แล้วอย่างที่ได้ปรากฎในเว็บไซต์ของพรรค และสื่อต่างๆ