อาทิตย์ 5 เม.ย.63 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ(กพศ.)พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ได้ฉายให้เห็นหลักคิดการแก้ไขปัญหาของผู้นำสืบทอดอำนาจและนักการเมืองรุ่นเก่าว่าเป็นแบบอำนาจนิยม ขู่จะขยายเวลาเคอร์ฟิวหากประชาชนไม่ร่วมมือ แต่มาตรการเยียวยาของรัฐบาลไม่สร้างความเสมอภาคมั่นใจให้กับประชาชน เขาก็ต้องดิ้นรนออกมาทำมาหากินเพื่อความอยู่รอด พอมีข่าวการออกพ.ร.ก.กู้เงินสู้วิกฤติตามมา ประชาชนก็ไม่เชื่อมั่นเพราะติดภาพหลอนจาก 6ปีที่ผ่านมาว่ารัฐบาลสืบทอดอำนาจดีแต่สร้างหนี้ จัดงบประมาณขาดดุลแล้วฉ้อฉลสร้างหนี้สะสมกองโตปาเข้าไปกว่า2ล้านล้านบาท แต่ไม่มีผลงานประจักษ์ชัดเลย ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลนี้หมดเครดิตในสายตาประชาชนไปนานแล้ว

แต่นักการเมืองรุ่นใหมปีกประชาธิปไตยเริ่มฉายแววได้นำเสนอการแก้ไขปัญหาแบบเน้นการมีส่วนร่วมรับฟังประชาชน การแก้ปัญหาเดินไปอย่างสอดคล้องควบคู่กันไประหว่างมาตรการป้องกันโควิดกับการทำมาหากิน ส่งเสริมการใส่หน้ากากอนามัยทุกคน เคอร์ฟิวก็ไม่ต้องประกาศ ด้านงบประมาณแก้วิกฤติโควิดก็มีความชัดเจนว่าสมควรจะตัดงบจากแผนงานไหนของงบประมาณปี 63 ก่อนแล้วจึงมาพิจารณากู้เงินเพิ่มตามจำเป็น ซึ่งมีแผนงานให้ประชาชนได้รู้เห็นโปร่งใสวิพากษ์วิจารณ์ได้ก่อนที่รัฐบาลจะตกลงใจออกเป็นพ.ร.ก.กู้เงินฉุกเฉิน จึงได้รับการยอมรับจากประชาชน

ขณะที่ประชาชนก็เหลืออดแล้วที่จะให้รัฐบาลนี้ทำหน้าที่ต่อไป เมื่อถึงจุดนี้ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนวิกฤติการณ์โควิดมันอาจจะเป็นตัวพังรัฐบาลนี้ลงก่อนเวลาก็เป็นได้และเมื่อนั้นก็คาดหวังว่าจะได้รัฐบาลแบบคนรุ่นใหม่ที่ไม่ยอมร่วมสังคกรรมกับกลุ่มสืบทอดอำนาจเข้ามาทำหน้าที่แทน