“หมอเปรม” จะปฏิรูปสื่อ กรณีจับนักข่าวแก้ผ้า ฮือฮาก่อน “ประชามติ”

การปฏิรูปสื่อ กลับมาเป็นที่กล่าวขวัญอีกครั้งก่อนถึงวันทำประชามติ

เมื่อ “หมอเปรม” หรือ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เดินทางยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านศูนย์บริการประชาชน เพื่อขอให้ใช้อำนาจมาตรา 44 ดำเนินการปฏิรูปสื่อมวลชน

หนังสือขอให้ปฏิรูปสื่อของหมอเปรม ระบุว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีผู้สื่อข่าวจำนวนหนึ่งบุกไปในห้องทำงานส่วนตัว ระหว่างที่ทำงานแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน เพื่อคาดคั้นให้ตอบคำถามเรื่องส่วนตัวกรณีที่มีภาพหลุดในโซเชียลมีเดีย โดยเป็นภาพของตนกับหญิงสาวรายหนึ่ง และมีการอ้างว่าเป็นการแต่งงานกับเด็กมัธยมศึกษาปีที่ 5

หมอเปรมกล่าวว่า พฤติกรรมดังกล่าว ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและไม่เหมาะสม แม้ตนจะเป็นบุคคลสาธารณะ แต่ก็ควรได้รับเกียรติ และสื่อควรให้ความสนใจเรื่องสาธารณะมากกว่าเรื่องส่วนตัว ดังนั้น จึงควรต้องปฏิรูปสื่อ

ส่วนข่าวการล็อกห้องทำงานและจับนักข่าววัย 64 ปีถอดเสื้อผ้านั้น นพ.เปรมศักดิ์ ยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง นักข่าวอายุ 64 ปี ไม่เห็นมีอะไรที่น่าดูน่าสนใจ

ในส่วนนี้จะขอให้รายละเอียดในชั้นคณะกรรมการสอบสวนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นตั้งขึ้น เพราะตนมีหลักฐานเป็นพยานบุคคลที่พร้อมอธิบายให้ข้อมูลเช่นกัน และแม้ห้องทำงานของตนจะสามารถเข้า-ออกได้ตลอด แต่ก็ไม่อยากให้สื่อเข้าไปคาดคั้น

“ใครก็สามารถเข้าไปในห้องทำงานผมได้ จะคนทั่วไปหรือคนพิการ แต่ในระหว่างที่ผมทำงานอยู่ เหมาะหรือไม่ที่สื่อจะบุกเข้าไปโดยไม่ได้ขออนุญาต แล้วมาคาดคั้นสอบถามผมในเรื่องส่วนตัว และหากใครที่จะมายื่นเรื่องถอดถอนผมออกจากตำแหน่งใดๆ ก็แล้วแต่ ผมไม่กลัว แต่อยากให้ไปดูด้วย ให้สื่อรู้ด้วยว่าคนที่ยื่นถอดถอนผม เขาก็เป็นนักการเมือง และประกาศตัวชัดเจนที่จะลงสมัครนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ในสมัยถัดไป” หมอเปรม กล่าว

สําหรับเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่มีภาพแพร่ไปในโซเชียลมีเดียว่า หมอเปรมนั่งเคียงข้างหญิงสาวรุ่น มีปึกธนบัตรใบละพันกองตรงหน้า อีกภาพเป็นการผูกข้อไม้ข้อมือ พร้อมกับข้อความระบุว่า สาวรุ่น เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนแห่งหนึ่งในเทศบาลตำบลบ้านไผ่ โดยมีสินสอด 4 แสนบาท พร้อมรถเก๋งโตโยต้า วีออส

เมื่อสอบถามจากทางเทศบาลเมืองบ้านไผ่ เจ้าหน้าที่บอกว่า ต้องให้ นพ.เปรมศักดิ์ เป็นผู้ชี้แจงด้วยตนเอง

เดลินิวส์ ได้นำเสนอข่าวในหน้า 1 พร้อมพาดหัวว่า หมอเปรมซุ่ม แต่งสาว ม.5 ทำให้นักข่าวประจำ จ.ขอนแก่น ติดตามหาตัว นพ.เปรมศักดิ์ เพื่อขอคำชี้แจง

วันที่ 26 กรกฎาคม คณะผู้สื่อข่าวหลายสำนัก เดินทางจาก อ.เมือง ไปที่เทศบาลเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เพื่อขอพบ นพ.เปรมศักดิ์ ซึ่งปกติคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

นพ.เปรมศักดิ์ สั่งผ่านเจ้าหน้าที่ ให้กลุ่มผู้สื่อข่าวรอให้มาพร้อมๆ กัน ก่อนจะอนุญาตให้กลุ่มผู้สื่อข่าวเข้าไปในห้องทำงาน ในเวลา 10.30 น.

ประกอบด้วย ไทยทีวีสีช่อง 3, มติชน, เดลินิวส์, เนชั่นทีวี และ KKC เคเบิลทีวี เมื่อเข้าไปในห้อง นพ.เปรมศักดิ์ สั่งเจ้าหน้าที่ล็อกประตูห้อง เก็บกล้อง โทรศัพท์มือถือของนักข่าวทุกคน

ภายในห้องมี นพ.เปรมศักดิ์ ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่เทศบาล รวม 7 คน นพ.เปรมศักดิ์ ได้ตำหนิสื่อมวลชนที่นำภาพจากโซเชียลมีเดียไปลงข่าว ว่า เป็นการประจานเรื่องส่วนตัว โดยเน้นไปที่ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ วัย 64 ปี

และโดยไม่คาดฝัน นพ.เปรมศักดิ์ สั่งเจ้าหน้าที่ให้จับผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ถอดกางเกง และสั่งให้เจ้าหน้าที่อีกคนถ่ายภาพไว้ โดยกล่าวว่า จะเอาไปประจานเพราะผู้สื่อข่าวประจานตนมาหลายวันแล้ว

นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวอีกตอนว่า คบกับนักข่าวมานาน การลงข่าวครั้งนี้เป็นเรื่องเจ็บปวดมาก นอนร้องไห้มาเป็นอาทิตย์แล้ว วันนี้ให้สื่อโดนบ้าง ส่วนภาพที่มีเงินวางอยู่ เป็นการช่วยเหลือครอบครัวเขา เพราะครอบครัวเขาเดือดร้อน

นักข่าวหญิง 1 ใน 5 นักข่าว คือ น.ส.จิตติมา จันพรม ผู้สื่อข่าวเนชั่น ถึงกับร่ำไห้ และขอออกจากห้อง และยังมีผู้สื่อข่าวบางคนขอออกจากห้องมาก่อน สุดท้าย นพ.เปรมศักดิ์ ยอมให้สื่อออกจากห้องได้ในเวลา 12.00 น. รวมเกือบ 2 ชั่วโมง

ตามมาด้วยการที่ นพ.เปรมศักดิ์ แจ้งความดำเนินคดีกับสื่อข้อหาบุกรุก ก่อนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปร้อง กสทช. ให้ปิดสื่อ 5 สำนัก ร้องนายกฯ ให้ปฏิรูปสื่อ ชี้แจงผ่านการไลฟ์สตรีมมิ่งทางเฟซบุ๊ก

ส่วนทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ ได้ออกแถลงการณ์ประณาม นพ.เปรมศักดิ์ ขณะที่ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ได้เข้าแจ้งความในข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังและหน่วงเหนี่ยวบังคับขืนใจ

ทางจังหวัดขอนแก่น โดย นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ตั้งกรรมการสอบสวน

โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.บ้านไผ่ มีการเคลื่อนไหวของชาวบ้านไผ่ เรียกร้องให้ปลด นพ.เปรมศักดิ์ พ้นจากประธานกรรมการโรงเรียนบ้านไผ่ ซึ่ง นพ.เปรมศักดิ์ มีห้องสอนพิเศษ แปะป้ายหน้าห้องว่า “ห้องพี่หมอเปรม” อยู่ด้วย

นอกจากนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และคณะ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ของ นพ.เปรมศักดิ์ ในระหว่างที่มีการแจ้งความดำเนินคดี เพื่อให้มีการไต่สวนการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและวินัยอย่างร้ายแรง รวมถึงฝ่าฝืนกฎหมายอาญา

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า นพ.เปรมศักดิ์ มีภรรยาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ยังไม่ได้หย่า การที่หมั้นหรือแต่งงานกับเด็กนักเรียนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรงในทำนองชู้สาว ผิดจริยธรรมรุนแรง และยังกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้สื่อข่าวที่ไปปฏิบัติหน้าที่ จึงร้องเรียนมายัง พล.อ.ประยุทธ์ ให้ใช้อำนาจตาม ม.44 มีคำสั่งดังกล่าว

นายศรีสุวรรณ กล่าวด้วยว่า จากการไปตรวจสอบบ้านที่หมู่ 4 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ทราบว่าเด็กคนดังกล่าวได้ย้ายหนีไปแล้ว จึงต้องการให้ตรวจสอบประเด็นนี้ด้วย เกรงว่า นพ.เปรมศักดิ์ ที่ยังอยู่ในตำแหน่งนายกเทศมนตรี อาจบิดเบือนหรือทำลายพยานหลักฐานให้เสียหาย

คดีความและการสอบสวนคงจะดำเนินต่อไป ใครถูกผิดน่าจะปรากฏผลในไม่ช้า

ที่น่าสนใจก็คือ การนำเอาประเด็น “ปฏิรูปสื่อ” มากลบเกลื่อนการปฏิบัติส่วนตัว จะได้รับการขานรับแค่ไหน

และเป็นอีกครั้ง ที่การปฏิรูปสื่อ ถูกหยิบยกขึ้นมา เพียงเพื่อ “แก้แค้น” เหมือนที่เคยเกิดขึ้นด้วยสาเหตุอื่นๆ