ปรากฏการณ์ FLASH MOB ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นการปรากฏ ขึ้นของ นักเรียน นิสิต นักศึกษา อย่างคึกคัก กว้างขวางและซึมลึกใน ขอบเขตทั่วประเทศเท่านั้น

​หากแต่ยังดำรงอยู่เหมือนกับเป็นปลายบนสุดแห่งยอดของภูเขาน้ำแข็งในทางการเมือง

​นั่นก็คือ การเปิดประชาคมบนพื้นที่ ONLINE ของคนรุ่นใหม่

​แท้จริงแล้ว คนรุ่นใหม่ได้สร้างชุมชนของตนขึ้นมาในโลกแห่งโซ เชียล มีเดีย อย่างยาวนานพอสมควร และปรากฏการณ์ FLASH MOB เพียงแต่เป็นการแสดงตัวให้ปรากฏ

​ยืนยันว่าพวกเขามีตัวตน ยืนยันว่าหากมีความพร้อมพวกเขาก็ สามารถสร้างปรากฏการณ์ใหญ่ทางการเมืองขึ้นได้

​ปรากฏการณ์นี้เห็นได้จากการติด #ทางการเมือง

 

สาธารณะอาจรู้สึกตื่นตาตื่นใจจากปรากฏการณ์ # ฟ้ารักพ่อ ในห้วง ก่อนการเลือกตั้ง และก็มองอย่างดูแคลนว่าเสมอเป็นเพียงแฟชั่น คึกคักขึ้นมาแล้วก็ค่อยๆหายไป

​แต่ภาพที่ตามมาก็คือ ความคึกคักในการเข้าคิวรอถ่ายภาพเซลฟี่ กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

​และยิ่งกว่านั้นคือ ๖.๓ ล้านคะแนนในเดือนมีนาคม ๒๕๖๒

​การแสดงออกผ่านการติด # ทางการเมืองไม่ว่าการให้นิยามต่อรัฐบาล การต่อต้านรัฐประหารเริ่มปรากฏอย่างหนาตาในห้วงนับแต่ ปลายเดือนกุมภาพันธ์ต่อต้นเดือนมีนาคมเป็นต้นมา

​สัมผัสได้จาก # ต่อต้านรัฐประหารซึ่งดำเนินไปเหมือนตีปลาหน้าไซต่อบุคคลบางคน และรวมถึงพัฒนาการแห่งการให้นิยามต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

​ไม่ว่าจะเป็นคำเฮ็งๆซวยๆเรื่อยไปจนกระทั่งถึงจุดต่ำสุดของที่ยืน

 

มองจากสายตาของ “คนรุ่นเก่า”ที่เติบโตมาในยุค “อะนาล็อก”ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้าใจ เพราะนี่คือการสำแดงออกของ “คนรุ่นใหม่” ในยุค “ดิจิทัล”

​หากการปรากฏแห่งปรากฎการณ์ FLASH MOB ยังไม่เข้าใจ ยังไม่รู้สึก

​ก็ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้าใจปรากฏการณ์การติด #

​เหมือนกับเป็นแฟชั่น เหมือนกับเป็นของเล่นๆ ฉาบฉวย มาเร็วไปเร็ว แต่หากหยั่งลงไปภายในความเป็นจริงของ”ชุมชน”ก็อาจจะตกใจ

​เพราะนี่คือ โลกใหม่ เพราะนี่คือการดำรงอยู่ของ คนรุ่นใหม่