ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 มีนาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | หน้า8 |
เผยแพร่ |
จนถึงวันนี้ฝั่งผู้มีอำนาจยังคงตื่นตระหนกกับ “แฟลชม็อบ” ของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ตามสถาบันการศึกษาต่างๆ
ใครจะไปนึกว่า เพียงแค่ 7 วัน “ม็อบ” จะลามทุ่งไปทั่วประเทศ
ชนิดที่ “สนธิ ลิ้มทองกุล-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ-สุเทพ เทือกสุบรรณ” ต้องเหลือบมองด้วยความอิจฉา
เพราะสมัยพันธมิตร-เสื้อแดง และ กปปส. กว่าจะปลุกให้คนลุกขึ้นได้ต้องใช้เวลายาวนาน
ใช้งบประมาณมหาศาลในการตั้งเวที
แต่ “แฟลชม็อบ” ครั้งนี้ น้องๆ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ใช้แค่ “แฮชแท็ก” ผ่านทวิตเตอร์เพื่อระดมพล
เวทีก็เรียบง่าย เครื่องเสียงก็ธรรมดามาก
คนมาชุมนุมก็มีกระดาษคนละแผ่นเขียนข้อความแสดงความเห็น
และที่สำคัญ ไฟฉายบนมือถือของแต่ละคน
แค่เปิดไฟฉาย รัฐบาลก็สั่นไหวแล้ว
“ม็อบนักศึกษา” วันนี้ระบาดเร็วเหมือนกับ “ไวรัส”
มีคนบอกว่าไวรัสโควิด-19 ติดต่อทางลมหายใจ
“แฟลชม็อบ” ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ติดต่อทางลมหายใจแห่งเสรีภาพ
เด็กๆ คงเก็บกดมานาน เพราะเห็นอยู่ว่าโลกแห่งความเป็นจริงไม่ตรงกับที่ร่ำเรียนมา
และมองไม่เห็นอนาคตของตัวเองภายใต้กฎกติกาการเมืองไทย
การยุบพรรคอนาคตใหม่เป็นเพียงแค่ฟางเส้นสุดท้าย
ยุบปั๊บ หลังหักเลย
ม็อบยุคนี้ไม่มี “ผู้นำ” ที่ชัดเจน
เป็นม็อบที่ไม่สามารถใช้วิธีเดิมๆ จัดการได้
ภาษาการสื่อสารก็ใหม่
ช่องทางการสื่อสารก็เกินกว่าเหล่า IO จะตามทัน
ไม่มีใครรู้ว่า “แฟลชม็อบ” นี้จะพัฒนาไปอย่างไร
แม้แต่แกนนำการชุมนุมในแต่ละมหาวิทยาลัยก็ไม่รู้
จากการชุมนุมแสดงความไม่พอใจรัฐบาลและกติกาทางการมือง
วันนี้นักเรียน นิสิต นักศึกษา เริ่มมีข้อเสนอที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เรื่องสำคัญคือ การจัดตั้ง สสร.ขึ้นมาแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560
เรื่องที่คิดว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องอาศัยเสียงวุฒิสมาชิกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
วันนี้เริ่มเป็นไปได้
ถ้าม็อบนักศึกษาออกมาเยอะๆ เสียงวุฒิสมาชิกจะต้องเปลี่ยน
ไม่เช่นนั้น ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะกลายเป็น “ระเบิดเวลา” ทางการเมือง
สถานการณ์การชุมนุมจะบานปลายหรือไม่
อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะเติมฟืนเข้ากองไฟ
หรือชักฟืนออกจากไฟ
เพราะวุฒิสมาชิก 250 คนที่เขาตั้งมากับมือจะหันซ้ายหรือขวา
อยู่ที่ “ลุงตู่” คนเดียว