“ฉัตรชัย จวงวิเศษ” หนุ่มวิศวะเบื้องหลังเพลงฮิต “มะล่องก่องแก่ง”

“มะล่องก่องแก่งก็คืออาการที่เสียหลักของผู้ชายคนหนึ่งที่ไปชอบผู้หญิงคนหนึ่งที่มีเจ้าของแล้ว…เป็นคอนเซ็ปต์ในการเขียนเพลงครับ”

“ฉัตรชัย จวงวิเศษ” คนเขียนเพลงฮิตแห่งยุคสมัยอย่าง “มะล่องก่องแก่ง” กล่าวอธิบายแนวคิดคร่าวๆ ของเพลงดังกล่าวกับทีมงานเพจเฟซบุ๊ก FEED

นอกจากความโด่งดังของตัวเพลง “มะล่องก่องแก่ง” เองแล้ว ภูมิหลังของชายหนุ่มเลือดอีสานที่เขียนคำร้องและแต่งทำนองของเพลงเพลงนี้ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

ฉัตรชัยจบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร

เขาชอบดนตรีมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยม เริ่มจากดีดกีตาร์ร้องเพลงทั่วไป จนเข้าไปเป็นสมาชิกชมรมดนตรีสากลในโรงเรียน

ต่อมาเขาได้รู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งอยู่ชมรมโปงลาง เพื่อนคนนั้นมีชื่อว่า “กล้าชัย ไทหนองคาย” ซึ่งปัจจุบันมีสถานะเป็นผู้เรียบเรียงดนตรีและโปรดิวเซอร์ของเพลง “มะล่องก่องแก่ง” เวอร์ชั่นต้นฉบับนั่นเอง

ฉัตรชัยเริ่มหัดเขียนเพลงตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อน เพลงแรกในชีวิตของเขาคือเพลงที่แต่งให้เพื่อนรัก “กล้าชัย ไทหนองคาย” นำไปขับร้อง แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จดังความคาดหวังและความใฝ่ฝัน

หนุ่มวิศวะรายนี้ไม่ยอมย่อท้อ หากยังเดินหน้าหัดแต่งเพลงต่อไปเรื่อยๆ รวมแล้วมีจำนวนเกือบ 100 เพลง โดยไม่มีใครซื้อเพื่อนำไปผลิต-เผยแพร่ต่อในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

กระทั่งในที่สุด ฉัตรชัยจึงมาประสบความสำเร็จแบบน่าเหลือเชื่อ จากเพลงชื่อแปลก เนื้อร้องแปลก อย่าง “มะล่องก่องแก่ง”

“เป็นเพลงแรกที่ขายไป แล้วได้เป็นมาสเตอร์ คือก่อนหน้านี้ผมก็เขียนเพลงเยอะ แต่ว่าไม่ได้ขายครับ…ก็รู้สึกดีใจครับ ที่เพลงที่ตัวเองเขียน ได้ออกไปสู่คนฟังทั่วประเทศ ขอบคุณแฟนเพลงทุกคนที่ติดตามรับชม รับฟังครับ”

ฉัตรชัยพูดถึงความสำเร็จของเพลงฮิตฝีมือตนเอง

แล้วก็มาถึงคำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยใคร่รู้ นั่นคือ “มะล่องก่องแก่ง” แปลว่าอะไร? นี่เป็นเพลงฮอตคำฮิตที่โด่งดังทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างไม่มีความหมายและไร้แก่นสารเช่นนั้นหรือ?

“มะล่องก่องแก่ง (ฉัตรชัยออกเสียงว่า “มะล้องก๊องแก๊ง”) ก็เหมือนกับ ณ ช่วงเวลาหนึ่งนั้น เราเข้าไปเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ในชีวิตเขา แล้วก็ไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไร มาขอโทษหัวใจตัวเอง มันเป็นการเล่นคำอะครับ

“ก็คืออย่างเช่น สมัยก่อนจะมี “ติง นัง นัง ตัง นิง” “โฟ ดิ ฟาย” อะไรอย่างนี้ คือทำให้เข้าถึงคนฟังได้ง่าย แล้วก็ติดหูครับ แต่ว่าจริงๆ เขา (คนฟัง) ต้องกลับไปฟังทั้งเพลง จริงๆ แล้วมันมีความหมายซ่อนอยู่ในทุกๆ เพลง” ฉัตรชัยอธิบาย

นอกจากแต่งเพลงแล้ว ฉัตรชัยยังเป็นคนร้องเพลงได้ แต่ด้วยบุคลิกส่วนตัวบางอย่าง ทำให้เขาคิดว่าตนเองควรทำงานเบื้องหลัง หรือเป็นผู้แต่งเพลงให้คนอื่นนำไปขับร้องจะดีกว่า

“จริงๆ แล้วเป็นคนขี้อายครับ แต่ว่าคืออยากจะทำประมาณนี้ (เป็นศิลปินเบื้องหน้า) แต่เราก็อาจจะทำไม่ได้ ด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่ใช่คนสนุกอะไร ก็ให้เพลงเป็นตัวสื่อความหมายที่เราอยากจะทำ อยากจะเต้น หรือว่าอยากจะเศร้า อยากจะอะไร เราก็ให้เพลงสื่อความหมายไป”

นักแต่งเพลงลูกอีสานเผยความในใจ

แม้จะประสบความสำเร็จในวงกว้างอย่างสูง แต่ “มะล่องก่องแก่ง” ก็ยังไม่วายต้องเผชิญหน้ากับประเด็นดราม่า เมื่อเพลงในเวอร์ชั่นคัฟเวอร์ โดย “มอส จารุภัทร Feat. แฮปปี้ ปริญญา” นั้นมียอดผู้ชม/ผู้ฟังในยูทูบสูงถึง 67 ล้านวิว มากกว่าเพลงต้นฉบับของศิลปิน “พจน์ สายอินดี้” ซึ่งมียอด 14 ล้านวิวเสียอีก

ฉัตรชัยมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาและแสดงความเห็นแบบคนมองโลกในแง่ดีว่า

“เพลงนี้เป็นฟรีลิขสิทธิ์ครับ คนสามารถคัฟเวอร์ (นำไปร้อง เล่น ทำดนตรีใหม่) ได้ทุกค่ายดนตรี ผมรู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่สนุก แล้วก็เห็นคนนู้นคนนี้เอามาทำ ก็รู้สึกสนุกตามไปด้วย…ก็เหมือนกับเป็นการโปรโมตเพลง แล้วก็เป็นเหมือนการคืนความสุขให้กับทุกคนในประเทศ ผมมองว่าดนตรีมันควรจะทำให้ทุกคนมีความสุข”

ก่อนจากกัน เราตั้งคำถามส่งท้ายกับนักแต่งเพลงหนุ่มว่าความเป็นวิศวกรและคนดนตรีในตัวเขานั้น เป็นสภาวะแตกต่างสองขั้วที่ขัดแย้งกันหรือไม่?

“จริงๆ แล้วมันคู่ขนานกันมาตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะว่าเราทำในสายวิทยาศาสตร์ เราก็อยากเสพงานศิลป์ด้วย มันต้องคู่กันไปทั้งศิลปะแล้วก็วิทยาศาสตร์

“วันไหนที่รู้สึกว่า เอ๊ะ! มัน (มีเรื่องที่) น่าจะเอามาเขียน (เพลง) ได้ เราก็คิดไว้ว่ามันน่าจะประมาณไหน แล้วเราก็เขียนออกมา แล้วก็เลือก (เรื่อง) ที่ดีที่สุด แล้วก็ค่อยเอามาเขียน (เป็นเพลง)”

ฉัตรชัยตอบคำถามอย่างปราศจากความวิตกกังวล พร้อมฝากไปยังบรรดาแฟนเพลงว่าให้คอยติดตามผลงานใหม่ๆ ของเขา ที่กำลังจะถูกปล่อยออกมาเรื่อยๆ