เครื่องเคียงข้างจอ / วัชระ แวววุฒินันท์ / มะเร็งกับธรรมชาติบำบัด

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

มะเร็งกับธรรมชาติบำบัด

 

ในขณะที่เรากำลังจับจ้องกับเชื้อโรคตัวใหม่คือ “โควิด-19 ” หรือไวรัสโคโรนา ที่ได้คร่าชีวิตผู้ป่วยไปแล้วกว่าพันคน และที่ติดเชื้ออยู่ในระหว่างการรักษาอีกหลายหมื่นคนทั่วโลก

ก็ขอเอาใจช่วยให้โลกสามารถไล่ตามทันพิษสงของเชื้อไวรัสนี้ให้สำเร็จในเร็ววัน ทั้งการพบยาที่ใช้ในการรักษา และวัคซีนป้องกัน

 

วันนี้จะขอพูดถึงโรคอีกโรคหนึ่งที่เรารู้จักกันมานาน แต่ก็ยังไม่มียาที่ใช้รักษาให้หายขาดได้ นั่นคือ “โรคมะเร็ง”

จากสถิติพบว่าโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ข้อมูลล่าสุดจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบว่าปัจจุบันคนไทยมีผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่ถึงวันละ 336 คน หรือ 122,757 คนต่อปี และเสียชีวิตวันละ 221 คน หรือ 80,665 คนต่อปี

สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งก็มาจากพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจริงๆ แล้วเรามีเซลล์มะเร็งอยู่ในตัวทุกคน เพียงแต่ว่าเราจะกระตุ้นให้มันลุกขึ้นมาโชว์ออฟรึเปล่า

พฤติกรรมนั้นก็เป็นทั้งในการกินอาหาร การออกกำลัง การใช้ชีวิตว่า เครียด กังวล หดหู่ มากน้อยแค่ไหน

เรื่องอาหารนั้นเป็นที่รู้กันว่า ถ้ากินไม่ถูกวิธี ไม่เหมาะกับร่างกาย ก็ทำให้เราเจ็บป่วยได้ ซึ่งมะเร็งก็อยู่ในข่าย

เรื่องการใช้ชีวิตนี่ก็สำคัญ บางคนทำร้ายสุขภาพใจ เอาแต่ทุกข์ เอาแต่เรื่องเครียด ความโกรธแค้น ชิงชังเข้ามาในชีวิต ก็เป็นผลให้เกิดมะเร็งได้ การออกกำลังกายสม่ำเสมอสามารถช่วยได้ อย่างน้อยก็ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทาน

ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อมก็มีส่วนไม่น้อย คงเคยได้ยินเรื่องที่ตนไม่ได้สูบบุหรี่ แต่เป็นมะเร็งปอด เพราะรับเอาพิษจากบุหรี่ที่คนรอบตัวสูบนั่นเอง

แน่นอนที่ใครก็ไม่อยากเป็นมะเร็ง หรือถ้าเป็นก็อยากหาย แต่หลายคนก็ต้องมีมะเร็งเป็นเพื่อนไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ

 

วิทยาการสมัยนี้มีการรักษาทางเลือกมากขึ้น และ “วิธีธรรมชาติบำบัด” ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ จริงๆ แล้วเรื่องวิถีของธรรมชาตินี้ไม่ได้ใช้เฉพาะกับผู้ที่เจ็บป่วย แต่ผู้คนทั่วไปก็สามารถใช้ในการดำเนินชีวิตได้ เพื่อทำให้เราสร้างเกราะในการก่อโรค

หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเรื่อง “วิถีธรรมชาติบำบัด” ก็คือ นายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล คณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

“แม้ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งและรับการรักษาจากแพทย์แผนปัจจุบันอยู่ก็สามารถใช้การรักษาแบบธรรมชาติบำบัดควบคู่กันไปได้ เพราะในวิถีธรรมชาติบำบัดนี้ จะแนะนำเรื่องของการกิน การคิด การอยู่ ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ไปกระตุ้นเซลล์มะเร็งเพิ่มมากขึ้น และสามารถลดลงด้วยซ้ำ ดังนั้น จากที่บอกว่าจะอยู่ได้อีก 6 เดือน อาจจะอยู่ไปอีกเป็นปี 2 ปี หรือมากกว่านั้นก็ได้”

คุณหมอบรรจบจะแนะนำว่า หากเป็นมะเร็งที่ส่วนไหนของอวัยวะ ผู้ป่วยควรจะเลือกกินอาหารอย่างไร อะไรที่ควรงด อะไรที่ควรใช้เป็นส่วนประกอบอาหารบ้าง แม้แต่เรื่องน้ำมันที่เลือกใช้ก็ต้องเลือกสรรด้วย

ไม่เท่านั้น ยังมีการแนะนำเมนูที่เหมาะสม และสอนวิธีการปรุงให้ เรียกว่าสามารถกินได้อร่อยและมีประโยชน์ด้วย เพราะผู้ป่วยมะเร็งหลายคนต้องกินอาหารที่ไม่อร่อยเพื่อไม่ให้อาหารนั้นส่งผลต่อความเจ็บป่วย

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่อร่อยได้ และมีประโยชน์ในการรักษาโรคมะเร็งด้วย

“เรื่องจิตใจเป็นเรื่องที่สำคัญ หากเราทนทุกข์ จมจ่อมอยู่กับความหมองเศร้า ไม่มีกำลังใจที่จะยืนอยู่และรักษา การรักษาก็จะไม่ได้ผล”

คุณหมอสนับสนุนให้ครอบครัวบอกความจริงกับผู้ป่วยว่าเขาป่วยเป็นมะเร็ง ร้ายแรงแค่ไหน เพื่อที่เขาจะได้รับรู้ และเตรียมแผนการใช้ชีวิตได้ถูก

“ผู้ป่วยควรมีสิทธิ์ในการเลือกวิธีการรักษาด้วยตนเอง” คุณหมอกล่าวอย่างนั้น

“ครอบครัวมักคิดแทนผู้ป่วย เกรงผู้ป่วยจะรู้ว่าตนเป็นมะเร็ง คิดดูนะ ตอนพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาล ก็เห็นแล้วละว่ารอบๆ ตัวน่ะคนป่วยนอนอยู่เต็ม เวลาที่ญาติๆ จะคุยกับหมอที่รักษาก็ดูหลบๆ ซ่อนๆ คุยกัน คุยแล้วออกมาก็ทำหน้าตาให้ปกติ บอกว่าไม่มีอะไร”

“แล้วตอนอยู่ที่บ้าน ก็ทำเป็นพูดคุยเลียบๆ เคียงๆ ไม่พูดออกมาตรงๆ คิดเหรอว่าผู้ป่วยจะไม่สงสัย หลายบ้านเลย พอถึงจุดหนึ่งที่ต้องบอกความจริงกับผู้ป่วย ก็พบว่าผู้ป่วยบอกรู้ตัวมาตั้งนานแล้ว”

 

เรื่องจิตใจก็เป็นหนึ่งเรื่องที่สำคัญมาก คุณหมอแนะนำว่า การทำตัวเองให้มีความสุข และอยู่กับมะเร็งอย่างเข้าใจเป็นเรื่องที่ดีที่สุด

“ต้องเข้าใจก่อนว่า ความตายเป็นของธรรมดา อย่าไปกังวล อย่าไปกลัว มองมะเร็งที่เราเป็นอย่างเข้าใจ มองอย่างเพื่อน และหาทางอยู่กับเพื่อนตัวนี้ให้มีความสุขที่สุด เขาเรียกว่าการวางจิตวางใจ”

“บางบ้านนะ แม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งอยากไปเที่ยวทะเล เพราะเป็นคนชอบทะเลมาก มีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปทะเล ลูกหลานก็ไม่ยอมพาออกจากบ้านเลย กลัวไปเองสารพัด กลัวแม่จะเหนื่อย จะไม่สบายมากขึ้น แม่ก็เลยจ่อมอยู่กับบ้านแบบเบื่อๆ เชื่อไหม พอมาวันหนึ่ง เอาเถอะไปก็ไป พาแม่ไปทะเล ปรากฏว่าแม่มีความสุข ยิ้ม หัวเราะ กินได้ นอนหลับ อาการก็ดีขึ้น”

เรื่องของโรคมะเร็ง จึงไม่ใช่เรื่องของผู้ป่วยเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของครอบครัวผู้ป่วยด้วย ที่ควรมีความรู้ในการดูแลผู้ป่วยอย่างที่ควรจะเป็น

 

เจ เอส แอล ได้เห็นถึงความน่าสนใจของวิถีธรรมชาติบำบัดของคุณหมอมาก จึงได้ชวนคุณหมอมาทำเป็น “คอร์สออนไลน์” กัน เพื่อที่จะได้เกิดการแพร่หลายไม่เฉพาะคนที่มาเรียนในสถาบันการศึกษาเท่านั้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับคนหมู่มากในวงกว้าง โดยอยู่ที่ไหนก็เรียนได้ ศึกษาได้ไม่จำกัดเวลา

จึงได้ทำเป็นคอร์สออนไลน์ ในแพลตฟอร์มของ เจ เอส แอล ที่ชื่อ MyOneClass หากสนใจเข้าไปดูรายละเอียดได้ในเว็บไซต์ www.myoneclass.com หรือทาง facebook : myoneclass

ชื่อคอร์สว่า “เล่นกับมะเร็งด้วยธรรมชาติบำบัด” มีทั้งหมด 4 คอร์ส ที่สามารถเลือกซื้อเป็นรายคอร์ส หรือจะซื้อเป็นแพ็กทั้ง 4 ชุด ราคาชุดละ 2,500 บาท หากซื้อทั้ง 4 ชุดก็จะเป็นราคาพิเศษ

ได้เปิดตัวไปแล้วเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีผู้ให้ความสนใจเข้ามาถามไถ่และซื้อคอร์สไปศึกษาเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง นั่นเป็นเรื่องยืนยันว่าโรคมะเร็งเป็นโรคที่เกิดกับคนจำนวนมากจริงๆ

และหากใครอยากลองฟังคุณหมอบรรจบได้บรรยายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็เชิญได้ในวันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 08.30-16.30 น. จะมีการจัดงาน “อ่อนเยาว์สุขสบาย-ทำเองได้ ครั้งที่ 4” ในหัวข้อ “สงครามสุขภาพ-ไทยสู้ๆ”

ในงานจะมีการให้ความรู้เพื่อสู้กับฝุ่น PM 2.5, การป้องกันไวรัสโควิด-19, การรักษามะเร็งด้วยธรรมชาติบำบัด และมีการเวิร์กช็อปเรื่องโปรแกรมจิตใต้สำนึกด้วย

ใครสนใจเชิญได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายนะครับ งานจัดที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 08-9996-7744

และข่าวดีคือ ผู้ที่ไปร่วมงานสามารถสมัครซื้อคอร์สออนไลน์ “เล่นกับมะเร็งด้วยธรรมชาติบำบัด” กับหมอบรรจบได้เลยในราคาพิเศษ ย้ำว่าเหมาะกับทั้งผู้ป่วยโรคมะเร็ง และคนในครอบครัว

มาเล่นกับมะเร็งกันอย่างมีความสุขกันครับ