‘วันนอร์’ ย้ำ ‘ประยุทธ์’ มีปัญหากับรัฐธรรมนูญและต้องไปบำบัด ‘ จิตใต้สำนึก’

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 เมื่อเวลา 08.15 น. ที่รัฐสภาเกียกกาย ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเข้าสู่วันที่ 4 นายวันมูฮัมหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจและชี้ให้เห็นว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้ทำการยึดอำนาจล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีการฉีกรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2550 และออกกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ต่างๆเพื่อปกป้องตนเองกับพวกและเมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังมีพฤติกรรม หรือกระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เช่น จงใจไม่ปฏิบัติตามมาตรา 162 กล่าวคือ มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาและไม่มีการชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ แถมยังแยกแยะผิดถูกไม่เป็นและยังคงอยู่บ้านหลวงและไม่ปฏิบัติตามมาตรา 186 ซึ่งให้นำความในมาตรา 184(3) มาบังคับใช้ซึ่งมีความโดยสรุปว่ารัฐมนตรีต้องไม่รับเงินหรือผลประโยชน์อื่นใดจากหน่วยราชการและการอยู่บ้านหลวงโดยอ้างว่าตนเองต้องเข้ามาบริหารประเทศและต้องอยู่บ้านหลวงต่อ เพราะ ‘รู้สึกว่าปลอดภัย’
“สิ่งที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าใจและปฏิบัติอยู่เรื่องที่ไม่ถูกต้องเพราะถือเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อีกทั้ง ยังขัดกับมาตรฐานทางจริยธรรมและการฝ่าฝืน หรือ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมถือว่ามีลักษณะที่ร้ายแรงและจะทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 170 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ. ศ. 2560”

นอกจากนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังสมคบคิดกับพวกยึดอำนาจและปล้นเอาสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ฯลฯ ของคนไทยแล้วนำไปซุกไว้ในอุ้งมือ สำแดงจุดยืนชัดเจนว่ามีการตระเตรียมที่จะปฏิวัติล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 2 ปี มีการกำหนด ขั้นตอนการสืบทอดอำนาจที่ชัดเจนไว้ 8 ขั้นแบบเป็นขั้นเป็นตอน เพราะตั้งใจที่จะอยู่ยาวเริ่ม ตั้งแต่เขียนรัฐธรรมนูญฉบับห้ามแก้ สร้างกติกาการเลือกให้เป็นประโยชน์แก่ตนเอง แต่งตั้ง ส.ว. เพื่อโหวตตนเองให้เป็นนายก ฯลฯ ซ้ำร้ายเวลาเลือกตั้งก็ใช้กลไกของกระทรวงมหาดไทยเป็นเครื่องมือรับส่งและมอบเงินซื้อเสียงกันอย่างเอิกเกริก ภายหลังจากการเลือกตั้งก็ใช้องค์กรอิสระเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้มาเป็นรัฐบาล เริ่มตั้งแต่การกำหนดวิธีการนับคะแนนที่แปลกและพิสดาร ประกาศผลการแต่งตั้งล่าช้า หรือ เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วและรู้ว่าเสียงปริ่มน้ำก็มีการหาซื้องูเห่ากันแบบออกหน้าออกตา ไม่เลือกสถานที่ และสิ่งที่น่าละอายอย่างยิ่ง คือ ใช้ ‘ สัปปายะสภาสถาน’ หรือ ‘รัฐสภาไทย’ ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ต่อรองและซื้อขายงูเห่ากันอย่างเป็นล้ำเป็นสัน

นายวันมูหะมัดนอร์ ยังกล่าวต่อไปด้วยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและพวกุบริหารและกำลังนำพาประเทศไปสู่ความล้มเหลวและยากลำบาก มีการตั้งงบประมาณเพื่อรับเงินทอนอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแก้ป้ญหาจังหวัดชายแดนใต้ที่นับวันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ โครงการต่างๆ ที่ริเริ่มและทำขึ้น เช่น การซื้อเรือเหาะ CCTV หรือ โครงการ Safe Zone School ที่ใช้งบกว่า 405 ล้าน หรือ โครงการติดตั้งเสาไฟฟ้าโซล่าเซลล์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ‘เสาผีหลอก’ ซึ่งใช้งบประมาณติดตั้งกว่าหนึ่งพันล้านบาท ฯลฯ ล้วนมีปัญหาและสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น

“แถมปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ยังมีการตั้ง ‘งบประมาณหน’ หรือ ‘งบบูรณาการ’ ไว้เป็นเครื่องมือเพิ่มเติม หรือ เป็นกลไกใช้จ่ายที่ยากในการควบคุม หรือ กำกับดูแลและมั่นใจอย่างยิ่งว่าเงินภาษีของประชาชนจะสูญเปล่ามากยิ่งขึ้น” นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวและว่า รัฐบาลล้มเหลวในการแก้ปัญหาชายแดนใต้ ยังคงมีเหตุการณ์และความสูญเสียเพิ่มขึ้นในภาพรวม เพราะการแก้ปัญหาไม่ยึดโยงการมีส่วนร่วมของประชาชนบนฐานสังคมพหุวัฒนธรรม ไม่เคารพหลักสิทธิมนุษยชน หลักนิติรัฐและนิติธรรม รวมถึง มีการใช้นโยบาย ‘ล้างสมอง’ ในการแก้ปัญหาชายแดนใต้ เช่น มีการจัด ‘โครงการส่งเสริมและเผยแพร่ความจริงที่ถูกต้อง’ โดย กอ.รมน. เพื่อ “ล้างสมอง ครอบงำ ทำลายอัตลักษณ์และละเมิดสิทธิ์ เด็กอายุ 1-5 ขวบ โดยใช้งบประมาณสูงถึง151ล้านบาทซึ่งถือว่า ” สิ้นเปลือง” และนโยบาย ข้างต้น จะก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาวเช่นเดียวกับ ‘นโยบายล้างประเพณีและวัฒนธรรมของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม หรือ ‘นโยบายกลืนชาติพันธุ์’ ของ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เพราะทำให้ผู้เห็นต่างถูกจับกุมคุมขัง หรือ หลบหนีและท้ายที่สุดก็รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนต่อต้านรัฐ

“ไทย” กลายเป็น ” รัฐอำนาจนิยม” และ “การทหาร” ทำทุกอย่างเพื่อตนเองกับพวกพ้อง กอปรกับ “6 ปี” ที่ผ่านมามีเหตุกับปัจจัยหลายอย่างที่เห็นได้ชัดสามารถและสามารถสรุปได้ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือ “ผนงรจตกม” และถ้าดึงดัน หรือ อยู่ต่อไป ” พวกเราจะตายกันหมด” เพราะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา มี “จิตใต้สำนึก…บกพร่อง” แต่อย่างไรก็ตาม พลเอก ประยุทธ์จันทร์ จันทร์โอชา ก็ยังคง ‘ไม่ต้องลาออก’ จากการเป็น “นายกรัฐมนตรี” เพราะตั้งใจที่จะอยู่ยาวและเพื่อให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชากับพวกสมประโยชน์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ‘ต้องเข้าไปรับการบำบัดดูแลให้มีจิตใต้สำนึก หรือ sub consciousness ที่ถูกต้องเหมาะสมและอยู่ในสภาวะปกติ สงบเรียบร้อย มีอุปนิสัยที่ดีและไม่ก้าวร้าว” นาย วันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวในที่สุด