แมลงวันในไร่ส้ม /ข่าวช็อกจากโคราช ‘จ่าจักร’ กราดยิง ‘บิ๊กแดง’ เปิดใจขออภัย

แมลงวันในไร่ส้ม

ข่าวช็อกจากโคราช

‘จ่าจักร’ กราดยิง

‘บิ๊กแดง’ เปิดใจขออภัย

กรณี จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดกองพันกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 นครราชสีมา ยิงผู้บังคับบัญชาเสียชีวิต จากเหตุขัดแย้งการคืนเงินส่วนต่างจากการซื้อบ้านในโครงการสวัสดิการทหาร ก่อนไปปล้นคลังอาวุธ ใช้รถฮัมวีของทางกองทัพ ขนอาวุธสงครามและกระสุนไปก่อเหตุ ปะทะตำรวจที่วัดป่าศรัทธารวม และที่ห้างสรรพสินค้า เทอร์มินอล 21 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 30 คน รวม จ.ส.อ.จักรพันธ์ที่ถูกจับตายด้วย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ฝ่ายทหารในเรื่องการดูแลกำลังพล มาตรการควบคุมคลังอาวุธ และบทบาทของทหาร หลังจาก จ.ส.อ.จักรพันธ์เข้าไปนำอาวุธออกมาก่อเหตุ

เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงบ่ายวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ข้ามคืนไปถึงเช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์

หน่วยพิเศษที่มาดำเนินการควบคุมสถานการณ์และจับกุม จ.ส.อ.จักรพันธ์ ประกอบด้วย หน่วยคอมมานโดจากกองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904, หน่วยหนุมาน กองปราบฯ, หน่วยอรินทราช และตำรวจหน่วยนเรศวร 261 ตชด.

โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็น ผบ.เหตุการณ์ หิ้วปืนเข้าควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ด้วยตนเองอีกด้วย

ในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้ ตำรวจต้องสูญเสียมือดีอย่าง ร.ต.อ.ตระกูล ทาอาษา และ ด.ต.เพชรรัตน์ กำจัดภัย จากหน่วยอรินทราช หลังจากยิงต่อสู้กับ จ.ส.อ.จักรพันธ์ซึ่งใช้อาวุธสงครามร้ายแรง

ระหว่างเข้าควบคุมสถานการณ์ และช่วยเหลือประชาชนที่ติดในห้างสรรพสินค้า มีการรายงานข่าวของสื่อบางสำนัก ที่วิจารณ์ว่าสร้างความเสี่ยงให้กับชีวิตของผู้ติดในห้าง เป็นอีกครั้งที่การทำงานของสื่อถูกวิจารณ์อย่างหนัก

อย่างไรก็ตาม บทบาทของสื่อที่ได้รับการยกย่อง คือกรณีช่อง 7 ส่งนักข่าวไปบังคับโดรนช่วยบินหาจุดหลบซ่อนของคนร้าย และพบว่า ห้องใต้ดินของฟู้ดแลนด์มีการดับไฟหลังจากโดรนบินผ่าน ทำให้เจ้าหน้าที่ทุ่มกำลังไปที่จุดดังกล่าว

และเป็นจุดที่ “จ่าจักร” จนมุม ดวลปืนกับตำรวจ ก่อนจะถูกยิงเสียชีวิตในตอนเช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์

 

หลังเหตุการณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ อัญเชิญรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาถ่ายทอดสู่ประชาชน โดยสรุปว่า ทั้งสองพระองค์ทรงเสียพระราชหฤทัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทรงให้กำลังใจญาติของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกคน

ทรงให้รับผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ พระราชทานเพลิงศพเหยื่อทุกราย และขอให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บโดยเร็ว

ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก แถลงข่าวขอโทษและแสดงความเสียใจ

มูลเหตุของผู้ก่อเหตุเกิดจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชาและเครือญาติ ที่ได้มีการซื้อ-ขายที่ดิน และผิดสัญญากัน รวมถึงเรื่องผลตอบแทน สำหรับรายละเอียดนั้นต้องไปสืบต่อว่ามีใครเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชา เมื่อผิดสัญญากันจึงทำให้เกิดแรงจูงใจในครั้งนี้

ณ วันที่ก่อเหตุสังหารตั้งแต่แรกเขาคืออาชญากร ไม่ใช่ทหารอีกต่อไป

ผบ.ทบ.กล่าวว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยคลังอาวุธ กองทัพบกมีมาตรฐานและมาตรการในเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน และมีการเน้นย้ำในเรื่องนี้มาโดยตลอด ไม่ใช่วัวหายล้อมคอก ต่อไปแต่ละหน่วยต้องติดกล้องซีซีทีวีด้านหน้าคลังเก็บอาวุธและกระสุนปืน

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ก่อเหตุและคู่กรณีมีความสัมพันธ์กันทางการบังคับบัญชา กองทัพบกโดยตนเองได้สั่งการให้หาวิธีการที่ดีที่สุด เปิดเรื่องร้องเรียนโดยตรงให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกเอาเปรียบ และจะเน้นย้ำผู้บังคับบัญชาที่ไม่ใส่ใจดูแลทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชา จะเปิดเฟซบุ๊กเป็นช่องทางให้เข้าถึง

โดยไม่ผ่านช่องทางของกองทัพบก สั่งการไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์แล้ว เพื่อเป็นโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสื่อสารกับผมโดยตรง และจะลงโทษอย่างเต็มที่ สุดความสามารถเท่าที่จะทำได้

 

พล.อ.อภิรัชต์แถลงข่าวโดยมีอาการกลั้นสะอื้นและน้ำตาคลอเป็นระยะหลายครั้ง ตอนหนึ่งกล่าวว่า มีคนด่าว่ากองทัพบก ด่าทหาร แต่ผมอยากให้ทราบว่า ท่านอย่าด่ากองทัพบก ท่านอย่าด่าทหาร ทหารยังปฏิบัติหน้าที่เสียสละที่ดีๆ มีทั่วกองทัพบก อย่าไปด่าว่าเขาเลย

ถ้าจะด่า จะตำหนิ ให้มาด่า พล.อ.อภิรัชต์ ผมน้อมรับเพราะผมเป็น ผบ.ทบ.

ในตอนท้าย พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า แม้เหลือเวลารับราชการ 7-8 เดือน จะไม่ย่อท้อในการปรับปรุงและพัฒนากองทัพบก โดยจะใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะ ผบ.ทบ.จนวันสุดท้ายที่ส่งมอบธงให้กับ ผบ.ทบ.คนต่อไป

และเผยด้วยว่า ก่อนที่จะมาแถลงข่าว ได้ทำการบ้านมา 3 คืน 2 วัน แทบไม่ได้นอนเพราะเสียใจ

ในช่วงซักถาม มึคำถามเกี่ยวกับการแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก แต่ พล.อ.อภิรัชต์ปฏิเสธว่าจะทำงานแก้ไขปัญหาจนวันสุดท้าย

เมื่อถามว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อขายที่ดินในหน่วยงานทหาร พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า กองทัพบกมีโครงการจำนวนมาก รับรองว่าอีก 3 เดือน ระดับนายพลถึงระดับพันเอกหลายคนไม่มีงานแน่ และตนก็ไม่สน เพราะรู้ข้อมูล และไปเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่า “พี่ครับ ผมต้องทำ”

พร้อมกับยกตัวอย่าง การเลิกทีมฟุตบอลอาร์มี่ยูไนเต็ด การลงนามกับกระทรวงการคลังเพื่อใช้ที่ราชพัสดุเป็นโครงการสวัสดิการเชิงพาณิชย์ นำเงินและรายได้กลับเข้ากระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้เซ็นยกเลิกการจัดซื้อปืนสวัสดิการทุกชนิดของกองทัพบก เพราะผู้ก่อเหตุมีปืน 5 กระบอก มีราคาแพง ซึ่งทั้งหมดเป็นปืนที่มาจากโครงการสวัสดิการจากหน่วยงานอื่น

“ทหารไม่ต้องมีปืนส่วนตัว เพราะมีปืนหลวง มีบ้านพักเพียงพอ รับราชการ 20-30 ปี ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน เพื่อเก็บเงินไปซื้อบ้านของตัวเองหลังเกษียณอายุ ผมขีดเส้นตายภายในเดือนกุมภาพันธ์ ให้ผู้เกษียณอายุราชการ ย้ายออกเพื่อเปิดโอกาสให้คนที่ไม่มีบ้านมาอยู่

“ผมจะเอาจริงสำหรับผู้ที่เอาเปรียบหลวง เพื่อนร่วมงาน ขอเวลาและยืนยันว่าผมไม่ได้เพิ่งเริ่มทำ แต่ทำมาก่อนหน้านี้ ถ้าไม่สัมฤทธิผลภายในวงรอบ การปรับย้ายนายทหารครั้งนี้เห็นดีแน่ และผมก็ไม่ล้อมคอก” ผบ.ทบ.กล่าว

นับเป็นสถานการณ์ใหญ่ที่ยึดครองพื้นที่สื่อต่างๆ อีกครั้งหนึ่ง