“พุทธิพงษ์”จ่อรื้อกม.เพิ่มโทษหนัก โพสต์เลียนแบบเหตุสลด ยัน กสทช.อำนาจเต็มลงดาบสื่อ

“พุทธิพงษ์” จ่อรื้อกม.เพิ่มโทษหนัก หลังมีโพสต์เลียนแบบเหตุการณ์โคราช ชี้กสทช.มีอำนาจเต็มทั้งเตือนและลงโทษสื่อ

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล คำอธิบาย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอ(ครม.) ถึงเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงประชาชนที่จ.นครราชสีมาที่มีทั้งข่าวจริงและข่าวไม่จริงออกมากระทรวงดูแลอย่างไรบ้าง ว่า กระทรวงดูแลอย่างเต็มที่ที่ผ่านมา เราเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มีหลายมุมมองจากประชาชน เชื่อว่าโดยส่วนใหญ่ใช้โซเชียลมีเดียในการติดตามข่าวสาร แต่ในอีกมุมหนึ่งมีคนบางกลุ่มมีการใช้ช่องทางดังกล่าวสร้างตัวตน ให้มีคนติดตามด้วยการใช้วิธีคิดที่ผิด จะเห็นว่าหลังเกิดเหตุก็มีหลายรายที่พยายามสร้างการลอกเลียนแบบใช้สถานการณ์ที่โคราช หลังจากที่เราได้ข้อมูลจากประชาชนก็ดำเนินการติดตามจับกุมได้ 4-5 ราย เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

เมื่อถามว่า จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาเกิดปัญหาการนำเสนอข่าวเกิดขึ้นจะมีการเรียกสื่อหลักทุกสื่อเข้าไปทำพูดคุยทำความเข้าใจหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ทราบว่าคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีอำนาจเต็ม โดยเฉพาะสื่อที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัล ซึ่งตนเห็นว่าในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้กสทช.จะประชุม ซึ่งมีวาระที่จะเชิญสื่อเข้าร่วมพูดคุยวางกฎเกณฑ์ ระเบียบ แนวคิดและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ จะต้องรอดูกสทช.จะดำเนินการอย่างไร เพราะกสทช.มีอำนาจเต็มตามกฎหมายในการตักเตือน และดำเนินการลงโทษ

เมื่อถามว่า กรณีการโพสต์ข้อความเลียนแบบเหตุการณ์ที่โคราชเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากจะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายให้เข้มงวดไม่ให้มีการกระทำแบบเช่นนี้เกิดขึ้นอีกหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงมอบหมายให้รองปลัดกระทรวง รวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องการใช้และบังคับใช้กฎหมายในเชิงการสื่อสาร โดยเฉพาะสื่อดิจิทัล พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 และกฎหมายอื่นๆที่ต้องปรับปรุง รวมถึงบทลงโทษที่ต้องปรับปรุงเน้นบทลงโทษที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากรูปแบบการลงโทษและเกณฑ์จะต้องขยายให้มากขึ้น เรื่องจากในปัจจุบันสื่อโซเชียลมีเดียขยายและพัฒนาไปมากขึ้น ภาครัฐยังไปไม่ถึงไม่ทัน รวมถึงกฎหมายที่เรามีอยู่ไม่สามารถตรวจจับได้ เพราะอำนาจของกระทรวง หรือหน่วยงานหลายหน่วยงานไปไม่ถึง ไม่มีอำนาจสืบสวน ตรวจสอบในสถานการณ์จริง หลายเรื่องจึงต้องปรับแก้ไขให้กฎหมาย โดยตนได้สั่งการไปแล้วเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะนี้กำลังศึกษาอย่างเร็วที่สุด