รายงานพิเศษ / ศึก ‘บิ๊กแป๊ะ-บิ๊กโจ๊ก’ สะเทือน ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม’ มองอนาคต ‘สุรเชษฐ์-จักรทิพย์’ ตท.20 สยายปีกคุมตำรวจ ยึดกองทัพ ‘บิ๊กแดง’ จัดทัพใหม่ ‘ขุนพลคอแดง’

รายงานพิเศษ

 

ศึก ‘บิ๊กแป๊ะ-บิ๊กโจ๊ก’

สะเทือน ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม’

มองอนาคต ‘สุรเชษฐ์-จักรทิพย์’

ตท.20 สยายปีกคุมตำรวจ

ยึดกองทัพ

‘บิ๊กแดง’ จัดทัพใหม่ ‘ขุนพลคอแดง’

ไม่จบ ยังไม่จบ…ผลพวงความขัดแย้งของบิ๊กแป๊ะกับบิ๊กโจ๊ก ที่เปิดศึกกันจนสะท้านไปทั้งวงการตำรวจนั้น

สะเทือนไปถึงบิ๊กป้อมและบิ๊กตู่ เสาหลักของรัฐบาลและกองทัพ

ด้วยเพราะรู้กันดีว่า ทั้งบิ๊กโจ๊ก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล และบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ก็คือน้องรักของบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่

และยิ่งเมื่อบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สั่งเด้งบิ๊กต้อย พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา พ้นรอง ผบ.ตร. มาอยู่ทำเนียบฯ เช่นเดียวกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์

สังเวยเหตุปล่อยคลิปเสียงสนทนากับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เรื่องคดียิงรถของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์

พร้อมๆ กับการถูกถอดจากการเป็นนายตำรวจราชองครักษ์ ถูดปลดเครื่องหมาย วปร.ออกจากเครื่องแบบ

และออกคำสั่งเตือน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ให้รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ เพื่อกำราบไม่ให้ออกมาให้สัมภาษณ์หรือเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งทางเปิดเผยและในทางลับ

โดยมีการใช้คำว่า “อย่าประพฤติชั่วร้ายแรง” คำยอดนิยม ที่เห็นบ่อยๆ อยู่ในคำสั่งเตือนด้วย

จน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ต้องหลบกระแสไปบวชเป็น “พระสุรเชฏฺฐโพธิ” ที่พุทธคยา อินเดีย และถูกจับตามองว่า อนาคตจะเป็นอย่างไร

ท่ามกลางกระแสร้อนดังกล่าว ข่าวความหมางใจกันของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ก็ปรากฏในศึกตำรวจครั้งนี้ด้วย

เพราะนอกจากย้าย พล.ต.อ.วิระชัย ซึ่งถูกจัดให้เป็นนายตำรวจที่อยู่ฝ่าย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ พ้น สตช.แล้ว

พล.ต.อ.จักรทิพย์ยังได้รับไฟเขียวในการเด้งบิ๊กช้าง พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติ ด้วยเหตุผล “เพื่อความเหมาะสม”

โดยรู้กันดีว่า พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ก็เป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตรอีกคนหนึ่ง

แม้จะมีรายงานข่าวว่า ไม่ใช่เพราะเรื่องความขัดแย้งระหว่างบิ๊กโจ๊กกับบิ๊กแป๊ะ แต่คาดว่าเป็นปัญหาส่วนตัวและการถูกร้องเรียนต่างๆ ก็ตาม

แต่ก็ทำให้มีการปลุกกระแสว่า พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งคุมตำรวจเอง จะผ่าตัดวงการตำรวจใหม่ และวางตัวขุนพลสีกากีใหม่ ที่ทำให้อำนาจบารมีของ พล.อ.ประวิตรลดน้อยลง

ไม่นับรวมการที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้อำนาจ พล.ต.อ.จักรทิพย์ในการคุมตำรวจแบบเต็มมือ

โดยเฉพาะการจัดโผโยกย้ายตำรวจในทุกระดับเองหมด จากเดิมที่ พล.อ.ประวิตรเคยให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เป็นคนจัดการดูแลมาตลอด

จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ยิ่งมีเพาเวอร์อย่างยิ่งในช่วง 5 ปีที่ พล.อ.ประวิตรคุมตำรวจ และขึ้นแท่นลูกเลิฟ

จนร่ำลือกันว่า พล.อ.ประวิตรดูจะเลิฟ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ มากกว่าเลิฟ พล.ต.อ.จักรทิพย์

พอเกิดปัญหาระหว่างลูกเลิฟและน้องรัก พล.อ.ประวิตรจึงถูกจับตามองว่า อาจขัดแย้งกับ พล.อ.ประยุทธ์ไปด้วย

“ปัดโธ่!! ไม่มี” พล.อ.ประวิตรรีบปฏิเสธ

“เลิกพูดได้เลย ผมกับนายกฯ ไม่มีขัดแย้ง เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่ผมเป็นร้อยเอก นายกฯ เป็นร้อยตรี อยู่ด้วยกันมาตลอด จนเกษียณอายุ แล้วจะเอาอะไรกันอีกล่ะ” บิ๊กป้อมกล่าว

อีกทั้งก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจในการแก้ปัญหาเรื่องตำรวจและการออกคำสั่งเตือน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์นั้น ได้พูดคุยหารือกับ พล.อ.ประวิตรก่อนแล้ว

“คุยก่อนนานแล้ว เราคุยกันทุกเรื่อง” บิ๊กป้อมระบุ

ทั้งนี้ แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะคุมตำรวจ แต่ก็ยังให้เกียรติ พล.อ.ประวิตรด้วยการหารือหรือแจ้งให้รู้ก่อน

โดยเฉพาะกรณีของ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ นั้น พล.อ.ประวิตรได้มีส่วนในการให้ข้อมูลแก่นายกฯ ด้วย

แต่ พล.อ.ประวิตรก็ให้เกียรติ ด้วยการให้นายกฯ เป็นคนตัดสินใจ

โดยเฉพาะกรณี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ที่เชื่อกันว่า คงสะเทือนใจ พล.อ.ประวิตรไม่น้อย

เพราะ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ถือเป็นนายตำรวจที่ใกล้ชิดและช่วยงาน พล.อ.ประวิตรมาตลอด

โดยเฉพาะงานการเมือง และการช่วยพรรคพลังประชารัฐในทุกรูปแบบ จนหลายเรื่องกลายเป็นผลงานสำคัญ

จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มีการลงโทษ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ แต่แค่ออกคำสั่งเตือนเท่านั้น

อาจเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ก็รู้ตื้นลึกหนาบางไม่น้อย และอาจเพราะเกรงใจ พล.อ.ประวิตรด้วย

เพราะเคยเรียก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์มาพูดคุยในเรื่องคดีเครื่องไบโอเมทริกซ์ กับข่าวลือต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังถือว่าปรานีกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์อยู่ไม่น้อย

และเพื่อป้องกันไม่ให้ย้ายข้างไปอยู่กับพรรคฝ่ายค้าน เพราะ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์มีข้อมูลความลับในมือไม่น้อย

แต่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ก็ต้องมาลงนามรับทราบคำสั่งด้วยตนเอง และยุติความเคลื่อนไหวผ่านสื่อ ในการให้สัมภาษณ์ออกสื่อ

ท่ามกลางการจับตามองว่า จากนี้ไปอนาคตของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์จะเป็นอย่างไร กับอายุราชการเหลือเวลาอีก 11 ปี

ด้วยความหวังที่อยากจะกลับมาเป็นตำรวจ ได้สวมเครื่องแบบสีกากีอีกครั้ง

และกลับมาทวงคืนเก้าอี้ว่าที่ ผบ.ตร.อีกครั้ง

โดยมีผู้ใหญ่และคนใกล้ชิดชักชวน แนะนำให้ลาออกไปเล่นการเมือง เข้าพรรคพลังประชารัฐ

รวมทั้งการลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรคพลังประชารัฐ ที่ยังหาตัวไม่ได้ หลังจากที่เคยมีชื่อนายกฤษฎา บุญราช อดีต รมช.เกษตร แต่เจ้าตัวปฏิเสธก็ตาม

แต่ก็เป็นเรื่องยากในการตัดสินใจ เพราะยังเหลืออายุราชการอีก 11 ปีเลยทีเดียว

อีกทั้งต้องสู้กับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครอิสระ แต่ก็คาดว่าจะได้คะแนนจากพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์จึงต้องหันกลับไปเป็นข้าราชการทำเนียบฯ ตามเดิม และเงียบ รอเวลาที่จะได้กลับมา สตช.อีกครั้ง

ท่ามกลางกระแสข่าวที่ให้รอจับตาดูอนาคตของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ว่าวิบากกรรมจะโดนอะไรอีกหรือไม่

ในเมื่อเปิดหน้าสู้กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์แบบเต็มตัวแล้ว โดยที่ต่างฝ่ายต่างมีกองหนุน กองเชียร์ แต่ดูเหมือน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์จะแผ่วปลาย

แม้จะมีข่าวว่า พล.อ.ประวิตรหมางใจกับ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาก็ตาม

แต่ พล.อ.ประวิตรยืนยันว่าไม่ได้พบ ไม่ได้เจอ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์นานแล้ว

แถมคนใกล้ชิดยืนยันว่า พล.อ.ประวิตรสั่งห้ามไม่ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เข้าบ้านมูลนิธิป่ารอยต่อฯ

ในขณะที่สายข่าวฝั่ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ระบุว่า พล.อ.ประวิตรยังคงเอ็นดูบิ๊กโจ๊ก แต่ก็ต้องมีระยะห่าง เพราะถูกจับตามอง

 

“ผมไม่ได้คุย ไม่เจอบิ๊กโจ๊กนานแล้ว” บิ๊กป้อมระบุ

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประวิตรจะไม่ยอมเป็นกาวใจระหว่างบิ๊กโจ๊ก บิ๊กแป๊ะ แต่ให้ทั้งคู่ไปคุยเคลียร์กันเอง

แม้จะรู้ว่าทั้งคู่ไม่น่าจะคุยหรือเคลียร์กันได้อีกแล้ว เพราะมาถึงขั้นที่สายสัมพันธ์พี่น้องสายเลือดเตรียมทหารและนายร้อยตำรวจขาดสะบั้นไปแล้ว

แต่งานนี้ทำให้ พล.อ.ประวิตรตกเป็นเป้าของฝ่ายตรงข้ามของกระแสข่าวลือว่า ต้องการทวงการคุมตำรวจกลับคืนมา

เป็นอีกความพยายามที่จะเสี้ยมให้ 2 พี่น้องเกิดความขัดแย้งกัน

ที่ พล.อ.ประวิตรยืนกรานว่า พี่น้อง 3 ป. โดยเฉพาะกับ พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงเหนียวแน่น รักใคร่ ไม่มีวันขัดแย้ง ทะเลาะกัน

 

ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ในยุคนี้ ก็กำลังเฟื่องฟู เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ให้อำนาจเต็มที่

แถมมีผลงานจากการนำทีมจับคนร้ายปล้นทองลพบุรีได้ ที่จะยิ่งทำให้เก้าอี้ ผบ.ตร.มั่นคง และส่อเค้านั่งยาว 5 ปีจนเกษียณ

แม้จากเดิมจะเคยโดนเลื่อยขาเก้าอี้มาหลายต่อหลายครั้งในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

จนมากรณีของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ และ พล.ต.อ.วิระชัย ที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ระบุในคลิปเสียงสนทนาว่า มีการเตี๊ยมกัน

โดยหวังผลเลื่อยขาเก้าอี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์เช่นกัน

ท่ามกลางการจับตามองว่า หลังเกษียณกันยายนนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์จะลงสู่สนามการเมืองหรือไม่

เพราะมีข่าวว่า อาจจะร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย เพราะมีความสนิทสนมกับทั้งนายเนวิน ชิดชอบ และเสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ

จากการไปร่วมงานศพนายชัย ชิดชอบ บิดานายเนวินที่บุรีรัมย์ โดยมีบิ๊กนัต พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. เพื่อน ตท.20 ไปพร้อมกันด้วย

จนทำให้มองว่า ผบ.ตร.คนใหม่ ก็จะเป็น ตท.20 ที่มีบิ๊กปั๊ส พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. เป็นเต็งหนึ่ง

แม้จะมีบิ๊กใหม่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ เพื่อน ตท.20 อีกคนเป็นแคนดิเดตก็ตาม

แต่คนที่มีบทบาทสำคัญในการเลือก ผบ.ตร.คนใหม่อีกคนคือ บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 แกนนำ ตท.20 ที่มีบทบาทสำคัญ

และเป็นนายทหารน้องรักที่ใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ สูงสุด

เพราะ พล.ต.อ.สุวัฒน์ก็สนิทสนมกับ พล.อ.อภิรัชต์อย่างมาก เป็นมือในการทำงานสืบสวนสอบสวนเรื่องสำคัญๆ โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวทางการเมือง

แม้จะมี พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก เป็นตัวสอดแทรก ที่ไม่อาจมองข้ามก็ตาม แต่พลังของ ตท.20 จะทำให้ ผบ.ตร.คนต่อไปจะเป็น ตท.20 โดยเฉพาะ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ที่มีอายุราชการถึง 2565

ไม่แค่นั้น หากมองไปที่กองทัพ นายทหาร ตท.20 ก็จะถูกดันขึ้นมาเป็นแผงอำนาจรองรับ และเป็นแบ๊กอัพให้ พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป

ทั้งบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผช.ผบ.ทร. ที่จะขึ้นมาเป็น ผบ.ทร.คนใหม่ ที่อาจเบียดแทรกบิ๊กช่อ พล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ รอง ผบ.ทร. (ตท.19) ในโค้งสุดท้าย

เพราะเป็นแคนดิเดตที่บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. มอบหมายงานสำคัญ โดยเฉพาะโครงการเรือดำน้ำจีนลำที่ 2 และ 3 ที่งบประมาณระบุไว้ใน พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2563 แล้ว ที่ถือว่า พล.ร.อ.ชาติชายทำงานสำเร็จไปแล้วในระดับหนึ่ง

ส่วนกองทัพอากาศ ก็มีบิ๊กจ้อ พล.อ.อ.ธรินทร์ ปุณศรี ผช.ผบ.ทอ. (ตท.20) เป็นเต็งหนึ่ง ที่จะมาแทน พล.อ.อ.มานัต เพื่อน ตท.20

โดยมีบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ยังคงเป็นปลัดกลาโหมต่อเป็นปีที่ 3 เพราะจะเกษียณกันยายน 2564

แม้ พล.อ.อภิรัชต์จะเกษียณกันยายน 2563 นี้ แต่ก็คาดกันว่าจะยังคงมีตำแหน่งสำคัญรองรับ และจะทำให้เปี่ยมเพาเวอร์

แม้ ผบ.ทบ.คนใหม่ที่จะขึ้นมาแทนจะไม่ใช่ ตท.20 แต่คาดว่าเป็น ตท.22 อย่างบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผช.ผบ.ทบ. นายทหารคอแดง ฉก.ทม.รอ. 904 ที่ พล.อ.อภิรัชต์สนับสนุนและเคลียร์ทางให้

ที่สำคัญ พล.อ.อภิรัชต์ทำหน้าที่สำคัญในการจัดวางตัวขุนพลคอแดงที่จะมาทำงานใน ฉก.ทม.รอ.904 ใหม่

มีการจัดโครงสร้างตำแหน่งใหม่ โดยให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์เป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904

ร่วมด้วยบิ๊กหนุ่ย พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 และบิ๊กต่อ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพน้อยที่ 1 ที่เป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วยเช่นกัน

โดยเฉพาะ พล.ท.เจริญชัยนั้นยังได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้ากรมกิจการวังฯ ด้วย คาดกันว่า พล.ท.เจริญชัยที่เกษียณ 2567 จะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.คนต่อไป ต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ที่จะเกษียณกันยายน 2566

พร้อมการตั้งเจ้ากรมใหม่ เช่น บิ๊กอ๊อบ พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองแม่ทัพภาคที่ 1 ทำหน้าที่เจ้ากรมยุทธการของ ฉก.ทม.รอ.904 ที่คุมงานการข่าวด้วย

โดย พล.ต.ทรงวิทย์ ตท.24 ก็ถูกจับตามองว่าจะเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.ในอนาคต โดยมีอายุราชการถึงกันยายน 2568

และ ผบ.รุณ พล.ต.กันตพจน์ เศรษฐรัศมี ผบ.พล.ม.2 รอ. เป็นเจ้ากรมส่งกำลังบำรุง

บิ๊กหนุ่ย พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ ผบ.พล.ร.2 รอ. เป็นเจ้ากรมการฝึก

ที่ประเดิมจากการฝึกร่วม หน่วย ฉก.ทม.รอ.904 ปีที่ 2 ที่ พล.ร.2 รอ. ในช่วงนี้ ที่ถือว่าใหญ่กว่าปีที่แล้ว เพราะมีหน่วยมากขึ้น

โดยมีบิ๊กเนี้ยว พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน ผบ.พล.1 รอ. ทำหน้าที่เจ้ากรมกำลังพล และเสนาธิการ ฉก.ทม.รอ.904 ที่ก็ถือว่าเป็นทหารคอแดง ที่จ่อขึ้นเป็นแม่ทัพ และ ผบ.ทบ.ในอนาคต

โดยที่ พล.อ.อภิรัชต์จะยังคงมีบทบาทต่อไปหลังเกษียณ ทั้งในวงการลายพรางและสีกากีอีกด้วย

การปรับทัพตำรวจและกองทัพในอีกไม่กี่เดือนนี้ จึงยิ่งน่าสนใจยิ่ง

            ท่ามกลางการถูกจับตามองถึงอนาคตทางการเมือง ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ในทุกสถานการณ์