‘บิ๊กป้อม’ หนุนขึ้นทะเบียน ‘แก่งกระจาน’ เป็น ‘มรดกโลก’ เชื่อยิ่งสร้างความภาคภูมิใจ ความรัก และหวงแหน

วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม เพื่อรับทราบและพิจารณาแนวทางการดำเนินงานร่วมกัน
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวยินดีต่อนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒ – ๒๕๖๖ ที่ได้รับการคัดเลือกด้วยคะแนนสูงสุด ๑๕๔ เสียง จาก ๑๗๐ เสียง และกล่าวสนับสนุนการนำเสนอพื้นที่ กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก เนื่องจากการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกนั้นเป็นกลไกหนึ่งในการดำเนินการ เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย และเสริมสร้างอาชีพและรายได้ให้กับชุมชนทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมอีกด้วย

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ตามที่ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนกรนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกซึ่งที่ประชุมได้พิจารณา (ร่าง) เอกสารเพิ่มเติมการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกแล้ว มีมติให้นำเสนอเอกสารดังกล่าวต่อคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกเพื่อพิจารณานั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเอกสารดังกล่าวและมีมติเห็นชอบ และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนจัดส่งเอกสารดังกล่าวต่อศูนย์มรดกโลก ภายในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ เพื่อให้ทันต่อการนำเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลกพิจารณา ในการประชุมครั้งที่ ๔๔ ในช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม ๒๕๖๓ ทั้งนี้ หากพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ที่ประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กุยบุรีเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่น้ำภาชี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก จะนับเป็นแหล่งมรดกโลกแหล่งที่ ๖ ของราชอาณาจักรไทย และเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติแหล่งที่ ๓ ของราชอาณาจักรไทย

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบสรุปผลการประชุมสมัชชารัฐภาคีแห่งอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๒๒ ระหว่างวันที่ ๒๗ – ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ สำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส และการรายงานผลการดำเนินงานในการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนการนำเสนอเเหล่งมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จำนวน ๒ แหล่ง คือ ๑) เมืองโบราณศรีเทพ และ ๒) อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท รวมทั้ง รายงานความก้าวหน้าการจัดทำเอกสารนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม ได้นำเสนอว่า คณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม พิจารณาให้ส่งกลับเอกสารให้จังหวัดนครศรีธรรมราชดำเนินการปรับปรุงเอกสารดังกล่าวให้ถูกต้อง และเห็นชอบต่อแผนการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการดำรงตำแหน่งกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒ – ๒๕๖๖

ทั้งนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม หรือแหล่งมรดกทางธรรมชาติ เพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก นอกจากจะเป็นการสร้างความภาคภูมิใจ ความรัก และความหวงแหน ต่อแหล่งมรดกของท้องถิ่นนั้น ๆ แล้ว ยังทำให้ต่างชาติรู้จักและสนใจแหล่งท่องเที่ยวของไทยในฐานะที่เป็นมรดกโลกเพิ่มมากขึ้น เป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยว ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของชุมชนโดยรอบแหล่งมรดกโลกและพื้นที่ต่อเนื่องทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว และการจ้างงานในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งยังเป็นการช่วยสร้างพันธมิตรและเครือข่ายเพื่อการปกป้อง คุ้มครอง และดูแลแหล่งร่วมกับชุมชนท้องถิ่นและหน่วยงานภาคต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อให้คงอยู่สืบไปและส่งต่อให้กับอนุชนรุ่นหลังต่อไป