บทความพิเศษ/นงนุช สิงหเดชะ/ ‘อนาคตใหม่’ กับตุ๊กตาสัตว์ 4 ตัว

บทความพิเศษ/นงนุช สิงหเดชะ

‘อนาคตใหม่’ กับตุ๊กตาสัตว์ 4 ตัว

 

ยิ่งนานไปยิ่งเพี้ยนและเบี่ยงเบนออกไปจากประชาธิปไตย สำหรับพรรคอนาคตใหม่ เมื่อในที่สุดมีการลงมติขับ ส.ส. 4 คนออกไปจากพรรค ฐานทำตัวเป็นงูเห่า ได้แก่ น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ และนายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี

เบื้องหลังการเขี่ย 4 คนออกจากพรรค เริ่มจาก ส.ส. 4 คน มีการลงมติในสภาสวนทางกับมติของพรรค โดยครั้งแรกก็คือการลงมติเห็นชอบร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) โอนอัตรากำลังพลบางส่วนของกองทัพไปเป็นหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยส่วนพระองค์ ซึ่งเป็นหน่วยราชการในพระองค์ โดย 3 คนโหวตเห็นชอบไปในแนวทางเดียวกับรัฐบาล ส่วนศรีนวลใช้วิธีงดออกเสียง

แต่ก็ถือว่าทั้ง 4 คนกระทำการสวนทางกับมติพรรคอนาคตใหม่ที่ต้องการให้สมาชิกโหวตคว่ำ

ส.ส.ทั้ง 4 คนให้เหตุผลว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่ควรโหวตคัดค้าน หรือทางที่ดีสุดคือการงดออกเสียง

ขณะที่ ส.ส.อนาคตใหม่ทั้ง 70 คน โหวตคัดค้าน ส่วนพรรคเพื่อไทยโหวตเห็นชอบ ทำให้อนาคตใหม่กลายเป็นพรรคเดียวที่โหวตคัดค้าน ซึ่งไม่ว่านายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค จะอภิปรายอ้างเหตุผลอ้อมไปอ้อมมาอย่างไร ก็ไม่พ้นจะถูกตีความไปในทางที่ไม่เป็นบวก

จากนั้นก็เป็นการโหวตร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย 2563 วาระแรก ซึ่งพรรคฝ่ายค้านทั้งหมด รวมทั้งอนาคตใหม่งดออกเสียง แต่มีฝ่ายค้าน 1 คน คือ กวินนาถ จากพรรคอนาคตใหม่ โหวตเห็นชอบ โดยกวินนาถให้เหตุผลว่าต้องคิดถึงประชาชน ที่กำลังรองบประมาณ อีกทั้งเป็นแค่วาระแรกในขั้นรับหลักการเท่านั้น ยังมีโอกาสทักท้วงแก้ไขในวาระต่อๆ ไป

นับตั้งแต่ทั้ง 4 คนโหวตสวนมติพรรค ก็ถูกเพื่อนในพรรคแอนตี้ ถูกพรรคลงโทษห้ามทำกิจกรรมของพรรค ห้ามเข้าร่วมประชุมพรรค ห้ามสื่อสารติดต่อกับพรรค ทำให้ในเวลาต่อๆ มาคนเหล่านี้ก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามติพรรคในเรื่องต่างๆ เป็นอย่างไร ส่งผลให้เมื่อมีการโหวตในสภาเรื่องอื่นๆ ทั้ง 4 คนจึงทำตามความคิดของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่าฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้มีการขับ 4 คนออกจากพรรคก็คือ มีบางคนใน 4 คนนี้ออกมาวิจารณ์ไม่เห็นด้วยกรณีพรรคอนาคตใหม่จัดม็อบที่บริเวณสยามสแควร์ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่กรณีเงินกู้ 191 ล้าน

 

อันที่จริงพรรคอนาคตใหม่อาจไม่ต้องเดินมาถึงจุดที่ต้องขับ ส.ส.ออกจากพรรค หากสามารถทำความเข้าใจกัน เปิดใจกว้างและฟังเหตุผลของทั้ง 4 คน แต่สถานการณ์น่าจะเป็นว่าแกนนำหรือผู้มีอำนาจในพรรคใช้วิธีแอนตี้ ลงโทษ ปิดโอกาสไม่ให้ผู้เห็นต่างมีที่ยืนในพรรคเลย

นอกจากนั้น ก็มีการกล่าวหา ส.ส.ทั้ง 4 คนในทำนองว่าทำตัวเป็นงูเห่าเพราะมีผลประโยชน์ ไปรับเงินรับทองจากพรรครัฐบาล ซึ่งเป็นการกล่าวหาที่ไร้หลักฐาน และไม่ยอมเชื่อว่าทั้ง 4 คนโหวตไปตามจิตสำนึกที่ควรทำ เช่นกรณีของ พ.ต.ท.ฐนภัทรก็บอกว่าเหตุที่ต้องเห็นชอบร่าง พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลฯ ก็เพราะเป็นข้าราชการมาก่อน ต้องเทิดทูนและรักษาสถาบันกษัตริย์

เมื่อ ส.ส. 4 คนถูกปฏิบัติแบบไร้ตัวตนอย่างนั้น ก็เป็นธรรมดาที่จะไม่มีใจให้พรรค เพราะเชื่อว่าโอกาสจะอยู่ร่วมกับพรรคอย่างปกติสุขคงไม่มีแล้ว รอเพียงวันแตกหักเท่านั้น

ตามวินัยและกฎข้อบังคับ พรรคอนาคตใหม่มีสิทธิขับ ส.ส.ทั้ง 4 คนออกจากพรรค แต่ขณะเดียวกัน ส.ส.ทั้ง 4 คนก็มีเสรีภาพส่วนตัวในการลงมติเรื่องต่างๆ ตามความคิดของตัวเอง

ซึ่งหลายประเทศในโลกนี้ก็มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น เช่น ฝ่ายรัฐบาลบางคนไปโหวตสนับสนุนฝ่ายค้าน หรือฝ่ายค้านโหวตสนับสนุนรัฐบาล

 

ทุกอย่างจะจบอย่างสวยงาม หากไม่มีสมาชิกบางคนของพรรคอนาคตใหม่กระทำการน่าละอายและไม่เคารพศักดิ์ศรีของคนเคยร่วมพรรคเดียวกัน ทำตัวไม่สมกับเป็นสมาชิกพรรคที่เชิดชูอวดอ้างความเป็นประชาธิปไตยมากกว่าใคร เมื่อมีมือดีนำตุ๊กตารูปตัวเงินตัวทอง ติดชื่อ ส.ส.ทั้ง 4 คน ไปวางไว้ที่หน้าห้องประชุมของพรรคที่อาคารไทยซัมมิท

สะท้อนให้เห็นวุฒิภาวะที่ต่ำเตี้ยมากๆ ของผู้ที่ทำพฤติกรรมดังกล่าวที่ไม่ต่างจากเด็กประถม

อย่างไรก็ตาม ไม่เห็นแกนนำของพรรคออกมาตำหนิติติงหรือพยายามสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่าเป็นฝีมือของใคร คล้ายๆ จะเห็นด้วยกับการกระทำน่าละอายดังกล่าว

ไม่แปลกที่จะมีการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะอารมณ์แค้นหงุดหงิดดูเหมือนจะอยู่ในระดับสูงสุด เห็นได้จากคำพูดของนายธนาธร หัวหน้าพรรค ที่พูดในทำนองเย้ยหยันว่า 4 คนคงจะกลายเป็นงูเห่าเน่า ไม่มีพรรคไหนกล้ารับ  ตนจะคอยดูว่าพรรคไหนจะรับหรือจะซื้อไปอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม กรณีศรีนวล บุญลือ จากเชียงใหม่ซึ่งได้คะแนนสูงที่สุดในประเทศไทย ได้ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นข้อมูลหลายอย่างก็พรั่งพรูออกมา เช่น บอกว่านับตั้งแต่โหวตสวนมติพรรค ทางนายธนาธรก็ไม่พูดกับเธอเลย แม้แต่ตอนเจอกันและเธอยกมือไหว้ ธนาธรก็ไม่มอง ไม่รับไหว้

นี่คือหลักฐานหนึ่งที่แสดงว่าธนาธรขี้โมโหมากเมื่อไม่ได้อย่างใจ เช่นเดียวกับปิยบุตร ที่ถูกอดีตลูกพรรคบางคนแฉว่า เป็นคนโกรธง่าย โกรธใครแล้วจะไม่พูดด้วยเลย

 

ความน่าสนใจของการขับ ส.ส.อนาคตใหม่ อยู่ตรงที่ว่า พรรครัฐบาลที่ถูกซีกอนาคตใหม่และฝ่ายค้านกล่าวหาว่าเป็นพวกสนับสนุนเผด็จการ กลับไม่มีใครขับ ส.ส.ออกจากพรรคเพียงเพราะโหวตสวนทางมติพรรค เช่น กรณีงูเห่า 6 คนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่โหวตสนับสนุนฝ่ายค้านเกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของ คสช. เป็นผลให้รัฐบาลเป็นฝ่ายแพ้โหวต ซึ่งนับว่าค่อนข้างร้ายแรงกว่ากรณีของ 4 ส.ส.อนาคตใหม่โหวตสนับสนุนรัฐบาล เพราะรัฐบาลนี้มีเสียงปริ่มน้ำมากอยู่แล้ว การที่ฝ่ายรัฐบาล 6 คน ไปโหวตสนับสนุนฝ่ายค้านมีความเสี่ยงสูงยิ่งต่อสถานะรัฐบาล เพราะทำให้เกิดปัญหาสภาล่ม จนทำให้ฝ่ายค้านฉวยโอกาสไล่นายกรัฐมนตรีให้ลาออกเพื่อรับผิดชอบมาแล้ว

แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้ดำเนินการอะไรกับ ส.ส.ทั้ง 6 คน เท่าที่มีข่าวออกมาก็ไม่มีใครออกมาพูดว่าจะลงโทษ พูดเพียงว่าจะมีการพูดคุยทำความเข้าใจกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีกในครั้งต่อไป

เช่นเดียวกับกรณีของนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ถูกขับออกจากพรรค หลังจากไม่ยอมยกมือโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน หลังเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

กรณีนายสิริพงศ์ที่ทำตัวกบฏในครั้งนั้น ได้รับเสียงชื่นชมยกย่องจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าเป็นการกระทำที่กล้าหาญ

แต่เมื่อ ส.ส.อนาคตใหม่ 4 คนโหวตสวนมติพรรคบ้าง นอกจากธนาธรไม่ยกย่องแล้วยังขับออกจากพรรคอีกด้วย

จริงอยู่บางคนอาจอ้างว่าเหตุที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่กล้าขับ ส.ส.งูเห่า เพราะมีเสียงน้อยอยู่แล้ว แต่หากมองในอีกแง่หนึ่ง ปชป.มีลักษณะเป็นสถาบันมากกว่าอนาคตใหม่ ไม่มีใครมีสิทธิขาดเหนือพรรคเท่าอนาคตใหม่