มนัส สัตยารักษ์ | จักรทิพย์ล้างท่อ

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภัคพงษ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. นายพลตำรวจ และตำรวจในสังกัด บช.น.อีกหลายนาย ร่วมด้วยหน่วยราชการและประชาชนจิตอาสา ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสา ทำความสะอาดและลอกท่อระบายน้ำถนนเยาวราช ตั้งแต่แยกเฉลิมบุรี แกรนด์ไชน่าทาวน์ แขวงและเชตสัมพันธวงศ์

ที่เห็นในภาพข่าว ทั้งหมดอยู่ในชุดจิตอาสา เสื้อยืดสีเหลือง หมวกสีฟ้า กางเกงกันเปื้อนและถุงมือยาง ภาพไฮไลต์เป็นภาพ พล.ต.อ.จักรทิพย์มุดลงท่อ ตักขยะในท่อใส่ถังแล้วส่งขึ้นมาข้างบน

หลังจากคลิปภาพและข่าวดังกล่าวแพร่ไปในสื่อโซเชียล ก็มีคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบว่า เป็นการสร้างภาพที่เกินความจำเป็น, ล้างท่อเป็นหน้าที่ของ กทม., ทำให้การจราจรติดขัด, ความสามารถและกำลังคนช่วยส่วนรวมได้มากกว่าการลอกท่อระบายน้ำ เป็นต้น

ส่วนคำวิจารณ์ในเชิงบวกก็คือการเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้บังคับบัญชาระดับสูง, ทำให้โครงการจิตอาสาได้รับความสนใจและการยอมรับ เมื่อผู้ใหญ่ที่เท้าติดดินนำหน้า

โครงการจิตอาสานี้มีภารกิจที่ขจัดและทำลายล้างขยะและสิ่งปฏิกูลตามแม่น้ำลำคลองหรือในท่อ เป็นงานที่ต้องใช้คนประเภท “ขาลุย” หน่วยราชการและเอกชน ได้อาสาร่วมดำเนินการตามอุดมการณ์มาเป็นระยะโดยเฉพาะในช่วงที่มีปัญหา

เมื่อครั้งที่เกิดเหตุการณ์ “ถ้ำขุนน้ำนางนอน” อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เมื่อ 23 มิถุนายน – 10 กรกฎาคม 2561 ซึ่งเป็นปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย 13 ชีวิตเยาวชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมในถ้ำ

พล.ต.อ.จักรทิพย์เป็นหนึ่งใน “ขาลุย” ที่บุกป่าไปอีกทางด้านหนึ่งของเนินเขา สำรวจปากปล่องของถ้ำที่ถูกค้นพบ 3 ปล่อง ด้วยความเชื่อว่าน่าจะมีทางเข้าถ้ำจากปล่องโดยการโรยตัว

สื่อมวลชนถ่ายภาพ พล.ต.อ.จักรทิพย์พร้อมทีมงานตำรวจ ตชด. ในชุดเดินป่าที่พร้อมจะป่ายปีนภูเขา มีคำบรรยายเชิงยกย่อง ผบ.ตร.ทำนองว่า “ดีกว่าพวกชี้นิ้วสั่งการ เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้นำหน่วย”

ผม -ซึ่งเคยยกย่องท่านว่าเป็น ผบ.ครบเครื่อง- คิดว่าท่านเป็นพวก “ร้อนวิชา” ที่ทนรอการแก้ปัญหาไม่ได้ ผมไม่แน่ใจว่า ผบ.ตร.ท่านนี้จะจบหลักสูตรพิเศษที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในป่าหรืออะไรทำนองนี้มาด้วยหรือเปล่า

เพราะบิ๊กแป๊ะได้ฉายาจากเพื่อนว่า “แป๊ะ 8 กิโล” ในฐานะที่ขณะปฏิบัติหน้าที่จะพกพาเครื่องมือเครื่องใช้ครบถ้วน ทั้งอาวุธปืน กระสุน อาวุธปืนสำรองพร้อมกระสุน 3 แม็กกาซีน แก๊สน้ำตา มีดพับอเนกประสงค์ กุญแจมือ ไฟฉาย ดิ้วเหล็ก และวิทยุสื่อสาร รวมแล้วประมาณ 8 กิโลกรัม

ผู้ที่สนใจงานตำรวจกับการเมือง อาจจะจำได้ถึงบางเรื่องของ “บิ๊กแป๊ะ” เมื่อครั้งเป็น พล.ต.ต. ในตำแหน่ง รอง ผบช.น. …ในเดือนตุลาคม ปี 2551 ที่มีการสลายการชุมนุมที่หน้าอาคารรัฐสภาของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้ถอดเสื้อของตนเองเพื่อปฐมพยาบาลสมาชิกพันธมิตรฯ ที่ได้รับบาดเจ็บ

ช่วงเวลานั้นสื่อโซเชียลและเฟซบุ๊กยังไม่บูม ยังไม่มีใครเสียดสีว่า “สร้างภาพ” สื่อมวลชนให้ฉายาเชิงบวกว่า “สุภาพบุรุษแก๊สน้ำตา”

ก่อนหน้าเหตุการณ์ “ถ้ำขุนน้ำนางนอน” ประมาณ 1 ปี เกิดคดีฆ่าโหดสะเทือนขวัญ “ฆ่ายกครัว 8 ศพ” ที่อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ เมื่อ 11 กรกฎาคม 2560 พล.ต.อ.จักรทิพย์ยก “ทัพทีมงาน” ไปแทบจะทุกสาขางานของตำรวจอย่างพร้อมที่จะลุยงานได้ทันที

วันแรกๆ ที่ยังไม่มีรายละเอียดที่แท้จริงของคดีออกมาเป็นข่าว นอกจากข้อเท็จจริงจากปากคำผู้รอดตายว่าเพียงว่า “กลุ่มคนร้ายแต่งกายคล้ายทหารและมีอาวุธปืนทันสมัย จ่อยิงศีรษะผู้ตายอย่างเหี้ยมโหดและเลือดเย็น” จึงยังไม่มีคอมเมนต์แซว ผบ.ตร.แต่อย่างใด เพราะทุกฝ่ายตระหนักดีว่าถ้าตำรวจ “ผิด” หรือ “พลาด” ไปจะเสียหายหนัก

ผลก็คือ ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายกลุ่มนี้ได้อย่างรวดเร็วพร้อมด้วยหลักฐาน

ผมนึกชมชอบการตัดสินใจของ ผบ.ตร.ที่ใช้ความเป็นนักบริหาร สมกับที่ได้เรียนมาทั้งหลักสูตรหลัก (ร.ร.นรต., ปริญญาโทบริหารรัฐกิจ สหรัฐอเมริกา) และหลักสูตรพิเศษ เช่น “การสอบสวน” (ATF-ILEA) และหลักสูตร FBI ที่สหรัฐ

อดคิดไม่ได้ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์มีลักษณะเป็นคนร้อนวิชานั่นเอง

อาจจะมีคำถามว่า การที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์แต่งชุดล้างท่อ มุดลงไปโกยขยะในท่อระบายน้ำนั้น ถ้าไม่ใช่เป็นการสร้างภาพแล้ว เราจะถือว่าเป็นการ “ร้อนวิชา” ได้หรือเปล่า?

ตอบได้ทันทีว่า “ได้” เพราะโรงเรียนนายร้อยตำรวจมี “วิชาทำความสะอาด” มาตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนเลยทีเดียว

ในรุ่นของผมซึ่งเป็นรุ่น 12 (พ.ศ.2498) วันแรกของเราก็คือรุ่นพี่สั่งให้นอนกลิ้งคลุกฝุ่นที่บริเวณสะพานโพธิ์แก้ว (ก่อนจะถึงทางแยกเข้าอำเภอสามพราน) การทำให้ตัวเองสกปรก นัยว่าเป็นการสอนให้รู้จักความ “ติดดิน” นั่นเอง

การนอนกลิ้งคลุกฝุ่นกลางแดดเปรี้ยงก็เท่ากับคลุกยางมะตอยเหนียวๆ บทเรียนแรกที่ได้รับก็คือ “อดทนต่อความเจ็บใจ” ต้องทิ้งเสื้อเชิ้ตขาวใหม่เอี่ยมเปื้อนยางมะตอยด้วยความเจ็บใจ

ภาพที่ผมเลือกมาใช้ประกอบคอลัมน์นี้ เป็นภาพการ “ซ่อม” นรต.ใหม่เมื่อประมาณ 10 ปีก่อนนี้ ในภาพจะเห็นว่า นรต.ใหม่ถูกทำให้สกปรกด้วยการนอนกลิ้งคลุกดินหรือโคลนในคูและถูกทำให้หิวน้ำ แล้วรุ่นพี่ก็ถีบถังน้ำดื่มทะลักลงคูไปต่อหน้าต่อตา นรต.ใหม่ได้บทเรียน “อดทนต่อความเจ็บใจ” เหมือนกัน

ส่วนวิชาทำความสะอาด นรต.ต้องเข้าเวรทำสะอาดห้องสุขาและห้องอาบน้ำของกองร้อย

มีหลักฐานการล้างส้วมของ นรต. ในหนังสือรุ่น นรต.11 ผมเขียนการ์ตูนประกอบกลอนแปด ที่ว่า “…ล้วงคอห่านซ่านกลิ่น ประทินโชย…”

จะเป็นการบังเอิญหรือเปล่าก็ยากที่จะเดา ก่อนวันล้างท่อถนนเยาวราช 4 วัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 แต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจในระดับรอง ผบก.-ผกก. จำนวน 2,429 ตำแหน่ง

สื่อบางเจ้าบอกว่า “เพื่อนร่วมรุ่น-เด็กสังกัดบิ๊กโจ๊ก โยกพ้นทำเลทอง!”

ท้ายข่าวยังขยายรายละเอียดเพิ่มเติมอีกว่า ในพื้นที่นครบาล มีการปรับเปลี่ยน ผกก. 64 โรงพัก (จาก 88 โรงพัก) เป็นการยืนยันถึงสภาพการณ์ “ล้างท่อ” ซึ่งเป็นภาษาสแลงของการบริหาร

มีเสียงปฏิเสธจากผู้เกี่ยวข้องบ้างเหมือนกัน เพราะในความเป็นจริงนั้น ทุกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผู้กุมอำนาจรัฐ เปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูง หรือถึงวาระของการแต่งตั้ง-โยกย้ายประจำปี ก็จะมีการ “ล้างท่อ” ทุกครั้งแหละ

เพียงแต่ครั้งนี้บทบาทและพฤติกรรมอันอื้ออึงของ “บิ๊กโจ๊ก” ได้เพิ่มเติมสีสันและเสียงเอฟเฟ็กต์ให้ดูเหมือนว่า ที่บิ๊กแป๊ะ “ล้างท่อเยาวราช” นั้น เป็นสัญลักษณ์ของการ “ล้างท่อตำรวจ” นั่นเอง