กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ / ฉบับประจำวันที่ 20-26 ธันวาคม 2562

ขณะที่เหล่าสาวกสตาร์วอร์สชาวไทยและทั่วโลก กำลังใจจดจ่อที่จะรอลุ้นได้ร่วมพิสูจน์ไปพร้อมๆ กันตั้งแต่ 19 ธันวาคมนี้
ว่า สตาร์วอร์ส ตอนใหม่ ตอนที่ 9
“กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์” จะออกมาอย่างไร
ใหม่ และสนุก อย่างที่คาดหวังหรือไม่
ซึ่งความคาดหวังนี้
บังเอิญมาตรงกับเหตุการณ์ “ลุ้น” ทางการเมืองไทยพอดี
นั่นคือ การที่พรรคอนาคตใหม่ นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
เลือกเอา “สกายวอล์ค” สยามสแควร์ เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของพรรคการเมืองตนเอง
เริ่มต้นใหม่ หลังจากที่พรรคอนาคตใหม่ตกอยู่ในนานาสถานการณ์คับขัน
หัวหน้าพรรคถูกขับพ้น ส.ส. ไม่ให้ทำหน้าที่ในสภา
ขณะที่พรรคเองก็เผชิญชะตากรรมหนักหนาเช่นกัน เมื่อถูกประเมินว่าพรรคอาจจะถูกยุบ และกรรมการบริหารพรรคจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง
พรรคอนาคตใหม่ซึ่งมีอายุไม่ถึง 1 ปี ถึงคราวที่จะอวสานอย่างรวดเร็วจริงหรือ?

พรรคอนาคตใหม่จะรับมือ “วิกฤต” นี้อย่างไร
จะยอมรับชะตากรรมอย่างเซื่องๆ
หรือสู้ สู้ตามแนวทางแห่งตน ที่ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ และมีแนวทางเป็นของตนเอง
ซึ่งก็อย่างที่ทราบ นายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่เลือกที่จะสู้
สัญญะแรกที่ถูกนำมาใช้ก็คือ “แฟลชม็อบ” ที่สยามสแควร์ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม
ปรากฏว่ามีการตอบรับจากผู้สนับสนุนอย่างอบอุ่น
กำเนิดใหม่สกายวอล์ค ถือว่าจุดติด
แม้ว่าจะต้องเผชิญคดีความจากตำรวจ ที่กล่าวหาว่าการจัดชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต
ต้องเผชิญกับฝ่ายที่ไม่ชอบวิจารณ์ว่า แม้จะมีคนมาจำนวนมาก
แต่ก็ในระดับพัน เป็นคนหน้าเก่า คนรุ่นใหม่มีไม่มาก
คงต้องใช้เวลาพิสูจน์ตนเองอีกนาน
และกระแสหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาโจมตีนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่อย่างมาก
นั่นคือ ด้านหนึ่ง แม้จะบอกว่าคนไม่เยอะ
แต่ก็ตีฆ้องร้องป่าวให้น่ากลัว
ว่า นายธนาธรกำลังมีเป้าหมายที่จะดึงเอามวลชนลงสู่ท้องถนน
และสร้างบรรยากาศบ้านเมืองให้ย้อนกลับไปช่วงสงครามสีอันยาวนาน
หรือยกเอาฮ่องกงโมเดลขึ้นมาเป็นตัวอย่างว่า นายธนาธรอาจจะมีเป้าหมายไปถึงตรงนั้น

อย่างไรก็ตามขณะที่ฝ่ายไม่ชอบพรรคอนาคตใหม่ พยายามชูภาพการเคลื่อนไหวนอกสภาให้ดูน่ากลัวอยู่นั้น
เรากลับได้เห็นการขับเคลื่อน 2 ขาของพรรคคนรุ่นใหม่นี้
นั่นคือ ยังอิงกับขบวนกฎหมายและสภา
ด้านหนึ่ง ได้ประกาศจะที่จะดำเนินคดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง ฐานผิดมาตรา 157 รวบรัดคดีเงินกู้ 191 ล้านอย่างไม่เป็นธรรม
อีกด้าน กลับไปสู่แนวทางรัฐสภา
ด้วยการสร้างเซอร์ไพรส์
เมื่อที่ประชุมวิสามัญของพรรคเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา
ที่มีมติ 250 ต่อ 5 เสียง ให้ขับ ส.ส. 4 คน
คือ 1.น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ 2.นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี 3.พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี และ 4.น.ส.กวินนาท ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี ออกจากพรรค
ถือเป็นการ “หักดิบ” ทางการเมือง แม้ทำให้จำนวน ส.ส.เหลือ 75 คน จากเดิม 79 คน
แต่ก็ตัดสินใจทำ ย้อนศรคณิตศาสตร์การเมืองที่ใครๆ ก็ประเมินว่าไม่กล้าทำ

ทั้งนี้ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่อธิบาย ชี้ว่าแม้กรณีนี้จะดูเหมือนการเฉือนเนื้อตัวเอง
แต่เมื่อเทียบกับบรรทัดฐานที่พรรคต้องดำเนินการกับคนที่ฝ่าฝืนมติพรรคก็ถือว่าคุ้มค่า
และยังช่วยตอบคำถามว่า พรรคยังใช้กลไกสภาอยู่
ไม่ได้มุ่งการชุมนุมทางการเมืองหรือเคลื่อนไหวบนท้องถนนเท่านั้น
ทั้งนี้การขับเคลื่อนในสภา ก็ยังหมายถึง การมองหา “บ้านใหม่” ไม่ว่าการตั้งพรรคสำรอง หรือการไปขอใช้ชื่อพรรคการเมืองอื่น ในกรณีที่ถูกยุบพรรคจริง
ทั้งนี้ เพื่อโชว์ความเป็นปึกแผ่น
ไม่แตกฉานซ่านเซ็น หรือกลายเป็นกลุ่มงูเห่าเลื้อยเข้าพรรคโน้นพรรคนี้
โดยหากพรรคอนาคตใหม่สามารถรวบรวม ส.ส.เอาไว้ให้เป็นหนึ่งเดียวโดยไม่มีใครแตกแถวได้
จะดำรงการเป็นพรรคอันดับที่ 3 ในสภาเอาไว้ต่อไป
น้ำหนักการเคลื่อนไหวก็ย่อมสูงอยู่
ซึ่งนั่นอาจจะก้าวไปสู่เป้าที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล หวัง นั่นก็คือ แม้จะมีการพยายามบังคับฉายหนังม้วนเก่า
แต่ตอนจบ จะไม่จบ ตามที่ “ผู้มีอำนาจ” ต้องการ
หากแต่พรรคจะขับเคลื่อนตามแนวทางของตนเอง
โดยมีสกายวอล์คเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ และกำเนิดใหม่
อย่างที่พรรคโชว์ให้เห็นในเบื้องต้นแล้วเมื่อ 14 ธันวาคม 2562
—————————–