ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 พฤศจิกายน 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
ผู้เขียน | พิชญ์เดช แสงแก่นเพ็ชร์ |
เผยแพร่ |
สัมภาษณ์พิเศษ โดย พิชญ์เดช แสงแก่นเพ็ชร์
“เสียงสะท้อนจากพี่น้องประชาชนคนส่วนใหญ่ นายกฯ ทราบหรือเปล่าว่ามีคนตกงานเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ตัวเลขสูงกว่า 50,000 รายแล้ว หมายความว่าหากบริหารราชการอย่างมีประสิทธิภาพ สภาวะแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ไหนท่านจะทุ่มเม็ดเงินลงทุนที่ท่านลงไปที่ eec มากมาย แต่ว่าสภาพของการกระตุ้นเศรษฐกิจทำไมมันยังไม่เกิดเสียที ยังไม่รวมถึงคำครหามากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้มันสะท้อนถึงรัฐบาลประยุทธ์ 1 ด้วย ว่าใช้เงินไปมากมาย แต่กลับกลายเป็นการกระตุ้นกระเป๋าเงินของคนกลุ่มเล็กๆ แต่คนส่วนใหญ่ยังเดือดร้อน ฉะนั้น การอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงจะเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่ท่านจะเห็นชัดๆ ว่า ทำไมถึงไม่ไว้วางใจให้ท่านอยู่บริหารประเทศต่อไป”
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ พ่อบ้านพรรคเพื่อไทย อธิบายเหตุและผลถึงศึกซักฟอกสำคัญที่กำลังจะดำเนินการเชือดรัฐบาลประยุทธ์ 2 ของฝ่ายค้าน
น.อ.อนุดิษฐ์เล่าว่า ที่ประชุม 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน กำลังพิจารณา 3 ประเด็นหลักคือ เรื่องของข้อมูลต้องครบ ต้องแน่น ต้องมัดให้อยู่หมัด เพื่อบ่งชี้ถึงความบกพร่องผิดพลาดในการบริหารราชการแผ่นดิน และสามารถนำเอาร่องรอยการทุจริตมาตีแผ่ให้ประชาชนได้เห็น จะถือเป็นการตรวจสอบรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ
แต่ถ้ายังเตรียมตัวไม่ดีพอจะเป็นดาบสองคม เพราะการเปิดทางให้ทางรัฐบาลชี้แจงตอบคำถามดึงคะแนนกลับได้
ส่วนการจองกฐินบุคคลที่จะโดนซักฟอกแน่ๆ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะต้องรับผิดชอบทั้งหมด ในฐานะที่แต่งตั้งและมอบหมายให้ รมต.ไปดำเนินการ แล้วบริหารผิดพลาดไม่เข้าเป้า หรือไม่เป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้
แต่ที่แย่ไปกว่านั้น ถ้าเกิดมีเรื่องการทุจริตเข้ามาเกี่ยวข้อง ท่านก็คงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ฉะนั้น เป้านี้เราไม่พลาดแน่
ส่วนรัฐมนตรีรายกระทรวงยังอยู่ในขั้นรวบรวมข้อมูล เพราะยังพอมีเวลาอีกพอสมควร ยืนยันว่าฝ่ายค้านจะตรวจสอบอย่างเข้มข้น
แม้ว่าพวกของท่านเองจะเชื่อมั่นการบริหารว่ามีหลายอย่างที่ทำแล้วโอเค มันเป็นเพียงมุมมองของท่านเหล่านั้น เพราะวันนี้ประชาชนเขาประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ พยายามส่งเสียงให้ท่านได้ยินมาโดยตลอด
แต่ระบบการได้ยินของท่านอาจจะมีปัญหาหรือเปล่าผมไม่ทราบ เพราะฝ่ายค้านเองพยายามสื่อสารตลอดตั้งแต่เริ่มกระบวนการรัฐสภา ช่วงเลือกนายกฯ แถมมีญัตติ-ตั้งกระทู้สะท้อนเสียงประชาชนเรื่อยมา แต่นายกฯ ไม่ค่อยมาฟัง-ไม่เคยตอบกระทู้เลย
ทุกคนย้อนกลับไปดูได้ว่าผู้แทนฯ มีคำถามเข้าไปมากมาย แต่ความด้อยประสิทธิภาพไม่ฟังเสียงประชาชน-คำครหาที่เกิดขึ้นมากมายตั้งแต่การตั้งคำถามคนที่เข้ามาในคณะรัฐมนตรี เหมาะสมหรือไม่-จัดแบบผลประโยชน์ต่างตอบแทนหรือเปล่า เอาคนที่มีมลทินหรือมีความรู้ความสามารถเพียงพอถูกต้องมีวิสัยทัศน์ต่อการบริหารมาหรือเปล่า
แน่นอนว่ารัฐบาลมีเสียงมากกว่าฝ่ายค้านอยู่แล้ว แม้ว่าพิธีกรรมการยกมือโหวตอาจจะไม่ชนะ แต่เราจะขอกระตุกสติท่านเตือนให้เห็นสิ่งที่ทุกข์ยากที่เกิดขึ้น
จริงๆ ความลำบากของประชาชน ท่านอาจจะใส่ใจมากขึ้นและแก้ปัญหาให้ประชาชนมากกว่านี้ แต่ถ้าแย่ไปกว่านั้นคือ ถ้าท่านตอบคำถามอะไรไม่ได้เลยมันจะกลายเป็น “แผลเป็น” ติดตัวพวกท่าน แล้วแผลนี้มันจะค่อยๆ ลุกลามในรัฐบาล
ซึ่งในอดีตก็มีให้เห็นแล้วว่าหากเกิดติดเชื้อจากแผลนี้จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มันจะนำไปสู่การไม่ยอมรับของพี่น้องประชาชนในที่สุด
ส่วนกรณีการแจกกล้วยให้กับลิงหรือการเพาะฟาร์มงูเห่าจะเกิดขึ้น(อีก)หรือไม่ ผมมองว่าถ้าครั้งนี้เกิดภาพเหล่านี้ชัด คนที่จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้คือประชาชน
เพราะมันจะสะท้อนตัวตนผู้แทนฯ ที่เขาเลือกไป ครั้งหน้าเขาจะได้ตัดสินใจถูก ว่าผู้แทนฯ เขาได้ทำหน้าที่หรือไม่ หรือยึดผลประโยชน์ของประชาชน-ประเทศชาติเป็นหลักหรือเปล่า
รัฐบาลจะพังเพราะอะไร?
ผมยังเชื่อมั่นว่าสิ่งที่จะนำไปสู่ความล้มเหลวของรัฐบาลก็คือเรื่องเศรษฐกิจ จากสภาพที่มันเกิด การบริหารต่อเนื่องที่ผ่านมา มันสะท้อนชัดเจนว่าตอนแรกที่เขามีโครงการบัตรคนจน ตัวเลขมีแค่ 7-8 ล้านคน และตั้งแต่เรามีรัฐบาลมาในประเทศนี้เราใช้งบฯ ลงทุนมากที่สุดเลยในการโยนลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจ
แต่ทำไมเศรษฐกิจของประเทศ แทนที่เราจะมีคนจนลดน้อยลง จะกลับกลายเป็นมีคนจนเพิ่มมากถึง 14-15 ล้านคน แต่กลุ่มทุนเพียงแค่ 5 ตระกูลกลับรวยขึ้นจากปีการบริหารของ คสช. รวยขึ้นเกือบครึ่งหนึ่งของงบประมาณแผ่นดินเกือบ 1.5 ล้านล้านบาท และประเทศไทยได้แชมป์ที่ประชาชนไม่อยากเห็นคือแชมป์ของความเหลื่อมล้ำคนรวยกับคนจนกว้างที่สุดในโลก
สะท้อนให้เห็นถึงความบกพร่องผิดพลาด ด้อยประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา มีแต่ดิ่งลงๆ แล้วการเข้ามาของรัฐบาลประยุทธ์ 2 โครงการเมกะโปรเจ็กต์ของเขาก็ยังเดินหน้าอยู่ แต่ปัญหายังเกิดขึ้น ยังไม่เกิดการกระจายรายได้ บวกกับปัญหาสะสมอื่นๆ มีมากไปหมด ถ้าเกิดเปรียบเป็นการแข่งกีฬา นี่คือท่าไม้ตายที่จะน็อกรัฐบาลได้เลย
หากพิจารณาไปถ้าเป็นระบอบประชาธิปไตยที่เป็นมาตรฐานสากลปกติ เขาคงอยู่ไม่ได้ แต่ภายใต้รัฐธรรมนูญ-กติกาที่ถูกเขียนและเอื้อต่อการสืบทอดอำนาจนี้ เสียงประชาชนไม่ดังเท่าเสียงของคนกลุ่มเล็กๆ ที่ต้องการสืบทอดอำนาจ ทำให้สภาพของโครงสร้างมันเป็นไปได้ยากเหลือเกินที่จะแก้ไข ก็คิดว่าเขาก็คงพยายามบริหารประเทศกันไปแบบนี้ เป็นสภาวะปริ่มน้ำแบบนี้
ในฐานะที่เป็นนักการเมือง เราจะทำหน้าที่สำคัญคือติดตามตรวจสอบเข้มข้นที่สุด เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้ประชาชน
แม้ว่าฝ่ายเดียวกันเองกับท่านจะชูว่าโครงการของรัฐบาลประสบความสำเร็จ ซึ่งมันคงไม่มีตัวชี้วัดใดเคลียร์คัดชัดเจนได้เท่าการยุบสภา เพราะถ้าสมมุติรัฐบาลมีความอึดอัดกับเสียงปริ่มน้ำ อึดอัดกับการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลมากถึง 19 พรรค และท่านคิดว่าสิ่งที่ท่านทำไป เป็นสิ่งที่คนไทยมีความสุข ก็ต้องยุบแล้วเลือกตั้งใหม่
จุดนี้เองแหละจะเป็นตัวชี้วัดได้ดีที่สุดว่าผลงานที่ท่านทำประสบความสำเร็จหรือไม่
มองการแก้ไข รธน.และการเสนอ ปธ.ศึกษาการแก้
ก็เป็นสิทธิ์ที่จะเสนอชื่อใครก็แล้วแต่ ผมคิดว่าทุกพรรคมีสิทธิ์ในการเสนอรายชื่อ แต่เรื่องความเหมาะสมผมต้องเรียนว่าในนามพรรคเพื่อไทยผมไม่ได้ยึดติดว่าใครจะขึ้นไปทำหน้าที่นี้
แต่เราคาดหวังและอยากจะเห็นการเลือกคนที่มีจุดยืนที่มีประชาธิปไตยชัดเจนและเป็นเสาหลัก ในการดำเนินการแก้ไข ซึ่งผมคิดว่าชัดเจนแล้วว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีในจุดนี้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยคงไม่ไปก้าวล่วงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคนอื่น
แต่ขณะนี้ดูเหมือนว่ากติกาของประเทศฉบับนี้ อาจจะมีบางเรื่องบางอย่างที่แต่ละพรรคการเมืองสะท้อนข้อขัดข้องที่ต่างกัน
คือตอนนี้ทุกคนมีส่วนร่วมเหมือนกันว่า “อยากจะแก้” แต่มุมมองของฝ่ายรัฐบาลอาจจะมองว่า ถ้ามีการเข้าไปปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่เป็นปัญหา ส่งผลต่อเสถียรภาพเขาก็อาจจะไม่อยากทำ
แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านเราชัดเจน ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มันไม่ได้เป็นตามแนวทางที่มาจากประชาชน เราจึงจะคืนอำนาจตรงนี้กลับไปที่ประชาชน ให้เกิดแนวคิด ให้มีการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมา
มองเลือกตั้งซ่อม พร้อมทวงเก้าอี้คืน?
การเลือกตั้งทุกครั้งไม่ว่าจะใหญ่หรือเลือกตั้งเล็ก ผมเองหลายครั้งจะไม่ฟันธง เพราะมันเป็นการตัดสินใจของประชาชน ผู้ที่ตอบได้ดีที่สุด หลังจากปิดหีบ ว่าเขาจะมีความศรัทธาหรือไม่
ดังนั้น การเลือกตั้งซ่อมผมคิดว่าถ้าเพื่อไทยส่งในพื้นที่ใดก็แล้วแต่ ก็ต้องลงพื้นที่ทำความเข้าใจให้เขาได้เห็นและใช้ข้อมูลสำคัญประกอบการตัดสินใจเลือกผู้แทนฯ
แล้วถ้าในอนาคต เราไม่ประสบความสำเร็จ หรือยังมีจุดที่ต้องปรับอยู่ ก็คงต้องถอดบทเรียน ว่าปัญหาของเราอยู่ตรงไหน ถ้าเป็นความบกพร่องในเรื่องของการบริหารจัดการของพรรค หรือแม้แต่เรื่องของนโยบายก็ต้องปรับปรุงแก้ไขปฏิรูปภายในพรรคต่อไป
พรรคเพื่อไทย “อยู่เป็น” หรือ “อยู่ไม่เป็น”
ผมคงไม่ย้อนกลับไปในเรื่องของคำพูด คนเราอาจตีความไม่เหมือนกัน
แต่ผมคิดว่าหน้าที่ของพรรคการเมืองวันนี้ วัตถุประสงค์เป้าหมายที่สำคัญของพรรคการเมืองก็คือเข้ามาทำงานเพื่อรับใช้ประชาชน
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่เพื่อไทยจะต้องยืนอยู่ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของพรรค ที่ยึดเอาพี่น้องประชาชนเป็นศูนย์กลาง
และผมไม่เคยเชื่อแนวทางของบางพรรคการเมืองที่ไปยึดเอาราชการเป็นศูนย์กลางพยายามทำให้เป็นรัฐราชการ
ยืนยันได้ว่าวันนี้พรรคเรามีจุดยืนตรงนี้ ไม่เปลี่ยนและสืบทอดอุดมการณ์ประชาธิปไตยมาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย จนถึงปัจจุบัน ต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ผมเชื่อมั่นหลักการนี้
ชมคลิป