เศรษฐกิจไทยในทุ่งลาเวนเดอร์ / ฉบับประจำวันที่ 1-7 พฤศจิกายน 2562

น่าสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) ค่อนข้างชิล-ชิล
กรณีสหรัฐตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไปหรือจีเอสพี
โดยบอกว่า
“ก็ต้องหาวิธีการและเจรจาพูดคุย อย่าเพิ่งไปตื่นเต้น ปัญหาทุกปัญหาก็ต้องแก้กันไป ปัญหามีไว้พุ่งชน อย่าไปคาดการณ์กันเอง อย่าไปตีกันไปมา”
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์น่าจะอารมณ์ดียิ่งขึ้น
เมื่อนายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาราชการสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้เข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม และบอกว่า
“จีเอสพีเป็นสิทธิพิเศษที่ไทยได้รับมานานกว่า 30 ปี แม้จะถูกตัดสิทธิไปแล้ว แต่ประเทศไทยก็ยังคงได้รับสิทธิพิเศษสูงที่สุดมากกว่าประเทศใดในโลก การตัดสิทธิจีเอสพีครั้งนี้ มีผลกระทบไม่มาก ตัวเลขไม่เยอะ และกระบวนการนี้ยังไม่ถือว่าสิ้นสุด “นายไมเคิล กล่าว
สะท้อนสหรัฐไม่ได้พุ่งเป้าทำสงครามการค้ากับไทยเหมือนดังที่เกิดขึ้นกับจีน

นั่นเป็นท่าทีของฝ่ายนโยบายที่พยายามมองในทาง “บวก” และเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์อย่างไรก็ตาม
แต่เมื่อมามองในส่วนของฝ่ายปฏิบัติก็ดูน่าห่วงไม่น้อย
อย่างที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบรายจ่ายประจำปี 2563 ตั้งข้อสังเกตว่าในที่ประชุม กมธ.ฯ ผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์อ้างว่ามีมาตรการในการรับมือแต่ไม่แจ้งรายละเอียดต่อ กมธ.
นั่นอาจหมายถึงไม่ได้มีแผนมาตรการแก้ไขเตรียมไว้ และบรรจุในงบประมาณปี 2563
ที่ประชุม กมธ.ได้ท้วงติงไปยังกระทรวงพาณิชย์ว่า ผลกระทบ 1,800 ล้านบาท อาจเป็นเพียงแค่ส่วนต่างทางภาษี หากจะคำนวณแบบนี้ คงไม่ถูกต้อง การดำเนินการของสหรัฐครั้งนี้อาจจะส่งผลเสียมากกว่าที่หน่วยงานรัฐคาดการณ์
คาดว่าผลกระทบอาจสูงถึงหลักหมื่นล้านบาท
นี่ย่อมเป็นการมองปัญหาในคนละมุมมอง
กรรมาธิการฯมองในแง่ร้าย
ส่วนนายกฯ และกระทรวงพาณิชย์ พยายาม ให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์สวยงามและมองหาโอกาส จากวิกฤตนี้ให้ได้

ความแตกต่างในการมองปัญหา ไม่ใช่เพียงเรื่องจีเอสพีเท่านั้นที่มีข้อแตกต่างปัญหาการมองการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยรวมก็มีความแตกต่างด้วย
โดยมีคนส่วนหนึ่ง มองว่ารัฐบาลสอบตกในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
แต่ดูเหมือน พล.อ.ประยุทธ์จะไม่เห็นพ้อง
“ที่บอกว่ารัฐบาลสอบตกในการแก้ไขเศรษฐกิจจะสอบได้หรือสอบตกนั้น ผมก็ไม่เห็นว่าที่ผ่านมาจะสอบได้ซักกี่รัฐบาล เพราะปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่ซับซ้อนมายาวนาน ” นายกฯ กล่าวย้ำ
แน่นอนสิ่งที่รัฐบาลหยิบขึ้นมาอวดตอนนี้ก็คือโครงการ ‘ชิมช้อปใช้’ ที่ประสบความสำเร็จล้นหลาม
อย่างไรก็ตามความงดงามในทุ่งลาเวนเดอร์ ของโครงการชิมช้อปใช้นั้น
หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เริ่มลดเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจของปี 2562 อย่างสอดคล้องกัน
อาทินายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้จาก 3.0% เหลือ 2.8% และชะลอตัวจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 4.1% ส่วนปีหน้าคาดการณ์ขยายตัวเร่งขึ้นมาอยู่ที่ 3.3%
ด้านนายโจนาธาน ออสทรี รองผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียและแปซิฟิก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า ไอเอ็มเอฟได้ปรับคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ของไทยปี 2562 ลงมาอยู่ที่ 2.9% จากเดิมคาดว่าจะเติบโตได้ที่ 3.5%
รวมถึงปรับประมาณการปี 2563 ลงมาอยู่ที่ 3.0% จากเดิมคาดว่าจะเติบโตได้ 3.5% เช่นกัน

สภาพเศรษฐกิจข้างต้น สะท้อนถึงภาวะถดถอยและยังมีแนวโน้มดิ่งลงไปอีก
ซึ่งนั่นย่อมไม่ใช่ภาพที่นายกฯ และรัฐบาลพยายามให้เห็น
ดุจเป็นสภาพ “เสมือนจริง” ว่าเศรษฐกิจยังดี มีความหวังเหมือนเดินในทุ่งลาเวนเดอร์
คำถามคือนั่นคือความเป็นจริงของเศรษฐกิจไทยหรือ!
—————