ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 27 กันยายน - 3 ตุลาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
สุจิตต์ วงษ์เทศ
บวดควายขอฝน
พิธีกรรมหลายพันปีมาแล้ว
บันทึกพร้อมภาพถ่ายเรื่องคนชอง โดย ชิน อยู่ดี เมื่อ พ.ศ.2506 มีภาพชุดการละเล่นของเผ่าชอง แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นชองที่ไหน? เล่นอะไร?
[ชิน อยู่ดี (24 กุมภาพันธ์ 2455-17 กรกฎาคม 2529) ได้รับยกย่องเป็น “บิดาแห่งวิชาก่อนประวัติศาสตร์ไทย” อดีตข้าราชการ กองโบราณคดี กรมศิลปากร]
ภาพไม่ชัดนัก เพราะเป็นภาพรุ่นเก่า ถ่ายด้วยเครื่องมือไม่ทันสมัย แต่พอจะดูออกว่าเป็นการละเล่นมีสวมเขาควายบนหัว แล้วมีกิริยาคล้ายเต้นแร้งเต้นกาแบบหัวหกก้นขวิดในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์
เมื่อเทียบกับพิธีกรรมที่พบในที่อื่น ได้แก่ ชาวจ้วงในกวางสี กับชาวอีสานบางชุมชนในไทย เป็นการละเล่นขอฝน โดยมีคนแต่งเป็นควาย
เหล่านี้น่าจะมีต้นทางของความเชื่อในภาพเขียนสีบนเพิงผารูปคนจูงควาย แล้วสืบทอดต่อมาเป็นกระอั้วแทงควาย จนกลายเป็นกระตั้วแทงเสือ
กบต้อนควายเปลี่ยว
ชาวจ้วง บ้านหนาหลี่ซุน อ.เทียนเอ๋อ มณฑลกวางสี มีพิธีเซ่นผีกบ (ผู้บันดาลฝน) แล้วมีการละเล่นขอฝน มีคนแต่งเป็นสัตว์ต่างๆ ได้แก่ กบ, ควาย ฯลฯ
การละเล่นชุดใหญ่ที่ออกตามมาคือการทำมาหากิน มีการทำนา ทำไร่ ทอผ้า ฯลฯ มีคนแต่งเป็นควายสวมเขาไถนา มีชาวนาตามหลังใส่หน้ากากถือไถ-คราด มีคนหลายคนเขียนลายตามตัวให้เป็นกบ แล้วออกมากระโดดอย่างกบตามหลังชาวนา
กบ เป็นตัวเอก ทำหน้าที่ขจัดปัดเป่าความเดือดร้อน เช่น ควายขี้เกียจลงนอนเขลงไม่ไถนา กบจะเข้าไปจัดการให้ควายลุกขึ้นมาไถนา และถ้ามีแมลงลงมากินพืชพันธุ์ในไร่นา กบก็จะเข้าไปจัดการกินแมลง ฯลฯ
จากนั้นผู้ทำอาชีพต่างผลัดกันออกมาเต้นฟ้อนแล้วไปเซ่นวักที่หน้าเกี้ยววิญญาณกบจนครบทุกอาชีพ
[จากหนังสือ คนไทยอยู่ที่นี่ ที่อุษาคเนย์ ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ มหาวิทยาลัยศิลปากร พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2537 หน้า 103]
บวดควายขอฝน
พิธีบวดควายขอฝนเป็นการละเล่นคุมควายเปลี่ยวดุร้ายให้เป็นปกติ
โดยคนแต่งเป็นควาย ทาตัวดํา ขอบตาแดง สวมเขาควายบนหัว สวมเครื่องต่างๆ ที่สําคัญ ได้แก่ ผูกเอวด้วยอวัยวะเพศชายขนาดใหญ่ทําด้วยไม้ทาสีแดงตรงหัวถอก เป็นต้น แล้วมีคนจูงเชือกล่ามควายเพื่อบังคับต่างๆ
บวดควาย หมายถึง ควบคุมความดุร้ายของควายให้อยู่ในอาการปกติ ไม่เฮี้ยว
[บวด เป็นคําเก่าที่เหลือตกค้างอยู่ในภาคใต้ ว่าวัวบวด หรือบวดวัว (หมายถึงควบคุมวัวให้เคลื่อนไหวตามต้องการของคน) แต่ถูกลืมจากคนท้องถิ่นอื่นเลยเขียนเป็น “บวชควาย”]
ต่อมาราชสํานักอยุธยายกย่องบวดควายเป็นการละเล่นของหลวง เรียก กระอั้วแทงควาย หลังจากนั้นชาวบ้านเลียนแบบดัดแปลงเล่นทั่วไป เรียก กระตั้วแทงเสือ
คนไทยอยู่ที่นี่
การละเล่นในพิธีกรรมดั้งเดิมของคนอุษาคเนย์หลายพันปีมาแล้ว ยังทำสืบเนื่องจนปัจจุบันโดยปรับเปลี่ยนสิ่งปลีกย่อยเข้ากับสังคมที่เปลี่ยนแปลง เป็นหลักฐานสำคัญอย่างหนึ่งว่าคนไทยมาจากคนหลายชาติพันธุ์ ร้อยพ่อพันแม่ ซึ่งล้วนอยู่ที่นี่หลายพันปีมาแล้ว