เก็บภาษีแวต 10 เดือนติดลบ 2.1% / ขึ้นภาษีหวาน 1 ต.ค.นี้เล็งเก็บภาษีเค็ม / โยกแบงก์รัฐให้ ธปท.ดูแล /

แฟ้มข่าว

ใช้บล็อกเชนจัดซื้อรัฐป้องคอร์รัปชั่น

เมื่อวันที่ 9 กันยายน นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนาการเพิ่มความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ในการจัดซื้อจัดจ้างสาธารณะ จัดที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ว่าปัจจุบันมีการใช้จ่ายภาครัฐสูงถึง 15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และรัฐมีเป้าหมายลงทุนสูงถึง 20% ต่อปี เน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ ดังนั้นต้องมีการจัดซื้อจัดจ้างด้วยความโปร่งใสเพื่อให้การลงทุนมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงได้นำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาใช้ในการจัดซื้อจัดจ้าง เช่น การใช้บล็อกเชนในการตรวจสอบหนังสือค้ำประกันต่อหน่วยงานภาครัฐที่สามารถยื่นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที และการออกหนังสือรับรองวงเงินสินเชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะสมบูรณ์ภายใน 1-2 เดือน รวมถึงการนำปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) มาใช้ในการตอบคำถามการเสนอราคา และขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ทำให้เกิดความโปร่งใสและรวดเร็วขึ้น คาดว่าระบบแชตบอทจะใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพภายใน 8-9 เดือนนี้ ส่วนบล็อกเชนจะมีการเชื่อมระบบข้อมูลกับกรมสรรพากร สรรพสามิต ศุลกากร และหน่วยงานต่างๆ ในประเทศทั้งหมดใน 3 เดือนจากนี้ และนอกประเทศในสิ้นปีนี้ให้ได้

ขึ้นภาษีหวาน 1 ต.ค.นี้เล็งเก็บภาษีเค็ม

นายณัฐกร อุเทนสุต รองโฆษกกรมสรรพสามิต กล่าวว่า วันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะเริ่มจัดเก็บอัตราภาษีใหม่ของเครื่องดื่มที่มีความหวานหรือมีน้ำตาลผสม 10-14 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร หรือคิดเป็น 10-14% ต้องเสียภาษี 1 บาทต่อลิตร จากเดิมเสียภาษี 50 สตางค์ต่อลิตร ตามโครงสร้างภาษีใหม่ที่ปรับใช้เมื่อ 2 ปีก่อน ทั้งนี้พบว่ามีเครื่องดื่มน้ำอัดลมบางยี่ห้อปรับขึ้นราคาไปก่อนหน้าแล้ว ตามภาระต้นทุนที่ปรับขึ้นเมื่อรวมภาษีใหม่ดังกล่าว และหลังใช้ภาษีใหม่นี้แล้ว กรมคาดว่าจะจัดเก็บภาษีกลุ่มเครื่องดื่มได้เพิ่มขึ้น 1,500 ล้านบาทต่อปี จากขณะนี้จัดเก็บ 2,000 ล้านบาทต่อปี และตามโครงสร้างภาษีใหม่ภาษีความหวานที่เก็บจากกลุ่มเครื่องดื่มจะปรับแบบขั้นบันไดทุก 2 ปี ในอัตรา 2 เท่า โดยวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ภาษีจะปรับเป็น 3 บาทต่อลิตร และวันที่ 1 ตุลาคม 2566 จะเป็น 5 บาทต่อลิตร เชื่อว่าผู้ประกอบการจะเปลี่ยนสูตรในเครื่องดื่มเพื่อลดความหวานลง นอกจากนี้ เตรียมเสนอรัฐบาลจัดเก็บภาษีในสินค้าที่มีความเค็ม แนวทางคล้ายกับภาษีความหวาน คือการกำหนดปริมาณโซเดียม (เกลือ) ที่อยู่ในสินค้าต่างๆ เช่น ขนม อาหารกึ่งสำเร็จรูป เพื่อเป็นการดูแลสุขภาพประชาชน และรองรับสังคมผู้สูงอายุ

11ก.ย.ข้าวเหนียวถูกเริ่มวางตลาด

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 11 กันยายน ได้เป็นประธานเปิดโครงการจำหน่ายข้าวเหนียวบรรจุถุงแบรนด์ กรมการค้าภายใน ขนาด 2 กิโลกรัม (ก.ก.) และ 5 ก.ก. ออกจำหน่ายแก่ประชาชนในราคาถูกกว่าตลาด โดยกระจายผ่านร้านธงฟ้าพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น หรือร้านธงฟ้าประชารัฐ จำนวน 200,000-300,000 ถุง เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนจากปัญหาราคาข้าวเหนียวปรับตัวสูงขึ้น

โยกแบงก์รัฐให้ ธปท.ดูแล

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2562 ธปท.ได้ออกหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงินของรัฐทั้ง 8 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) จำนวน 30 ฉบับ ซึ่งอยู่ระหว่างรอประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ให้ ธปท. เป็นหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินของรัฐแทนกระทรวงคลัง มีอำนาจหน้าที่เหมือนกระทรวงคลังทั้งหมด แต่ส่วนงานด้านการกำกับนโยบายและการกำกับในฐานะผู้ถือหุ้น/เจ้าของกิจการ ยังคงเป็นของกระทรวงการคลัง

เก็บภาษีแวต 10 เดือนติดลบ 2.1%

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า สถานการณ์จัดเก็บรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ในปีงบฯ 2562 มีแนวโน้มว่าจะต่ำกว่าเป้าหมาย โดยเห็นสัญญาณชัดเจนในระยะที่ผ่านมา ตัวเลขการจัดเก็บภาษีแวตในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ขยายตัวติดลบ และผลการจัดเก็บแวต 10 เดือนแรกของปีงบฯ 2562 ติดลบ 2.1% ซึ่งยอดจัดเก็บแวตต่ำเป้า มาจาก 2 สาเหตุหลัก คือ 1.ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาชะลอลง ทำให้การบริโภคในประเทศชะลอตัวตาม และ 2.เงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ยอดภาษีแวตที่จัดเก็บจากการนำเข้าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ประเมินว่าการจัดเก็บแวตในภาพรวมปีนี้จะต่ำเป้า ส่วนปีหน้าก็น่าหนักใจ หากภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น และเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องอาจจะสร้างผลกระทบได้ เพราะแวตมีสัดส่วน 70-80% ของการจัดเก็บรายได้กรมสรรพากร อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมการจัดเก็บรายได้ขณะนี้ยังเกินกว่าเป้าหมาย 4.8 หมื่นล้านบาท

ดังนั้น เชื่อว่าทั้งปีงบประมาณ 2562 นี้กรมจะสามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้าหมายที่ 1.9 ล้านล้านบาท