การ์ตูนที่รัก/นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ /สูญสิ้นความเป็นคน ตอนที่ 2

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

การ์ตูนที่รัก/นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

สูญสิ้นความเป็นคน ตอนที่ 2

 

เมื่อขึ้นบทที่ 3 ของเล่ม 1 ดูเหมือนว่าจุนจิ อิโต จะเริ่มปรากฏลายเซ็นของตัวเองมากขึ้น บางเรื่องมีการขยายความมากกว่าโอซามุ ดะไซ เขียนเอาไว้ในหนังสือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องผู้หญิง

อันที่จริงบางเรื่องตามที่ปรากฏในสองบทแรกเขาก็ได้ขยายความมากขึ้น ด้วยสื่อการ์ตูน เพื่อให้คนที่มิได้อ่านหนังสือเก็บประเด็นได้ชัดมากขึ้น

เรื่องแรกคือเรื่องที่เขาเล่าว่าได้ถูกคนรับใช้ทั้งชาย-หญิงล่วงละเมิดในวัยเด็ก จุนจิ อิโต ได้วาดภาพแสดงกิจกรรมทางเพศให้เห็นในขณะที่โอซามุ ดะไซ เขียนเพียงว่า

“ผมก็ถูกคนรับใช้และสาวใช้ทำเรื่องน่าเกลียดที่น่าเศร้า มาวันนี้ผมเห็นว่าการทำเรื่องแบบนั้นกับเด็กๆ เป็นอาชญากรรมของมนุษย์ที่ชั่วร้ายเลวทรามที่สุด แต่ผมก็ยังอดทนยอมรับทั้งหมดนั้น และกระทั่งเกิดความรู้สึกอย่างหนึ่ง เหมือนมันทำให้ผมมองเห็นลักษณะพิเศษอีกด้านของมนุษย์”

ดะไซเขียนต่อไปว่า โอบะ โยโซ ตัวละครที่เล่าเรื่องนี้มิได้นำเรื่อง “น่าเกลียด” ที่ว่าไปฟ้องพ่อ-แม่หรือตำรวจ เขาบรรยายถึงความไม่น่าเชื่อถือของมนุษย์ ซึ่งชวนให้ตีความได้ว่าไม่มีคุณค่ามากพอที่จะไปขอความช่วยเหลือ

“อาจมีคนเย้ยว่า หมายความว่ายังไงที่ว่าไม่เชื่อในมนุษย์? แกถือคริสต์ไปตั้งแต่เมื่อใด? อย่างไรก็ตาม ผมมองไม่เห็นว่าการไม่ไว้ใจมนุษย์นั้นจะต้องเกี่ยวกับศาสนา มันไม่จริงหรือว่ามนุษย์-รวมทั้งคนที่หัวเราะเยาะผมอยู่ด้วย-ดำรงอยู่ในการไม่เชื่อซึ่งกันและกัน และไม่เคยคิดถึงพระเจ้าหรือเรื่องใดๆ เลย”

ดะไซเขียนถึงศาสนาคริสต์หลายตอน แต่เมื่ออ่านการ์ตูนต่อไปเราจะพบว่ามีครั้งหนึ่งที่อิโตพาดพิงพุทธศาสนาในฉากล่อแหลมอย่างยิ่ง

ดังจะได้กล่าวถึงต่อไป

 

นอกเหนือจากที่ขยายความ “น่าเกลียด” ในหนังสือให้เป็นภาพการละเมิดเด็กแล้ว ส่วนที่เกี่ยวข้องกับทาเคอิจิก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน นั่นคืออิโตได้วาดรูปและบรรยายความมากกว่าที่ดะไซเขียน เช่น ตอนที่โอโซใช้ไม้ปั่นหูให้แก่ทาเคอิจิ หนังสือเขียนเพียงว่า

“ผมลงไปชั้นล่างเอาสำลีกับแอลกอฮอล์ แล้วให้ทาเกชินอนหนุนหัวบนตักผม ทำความสะอาดหูเขาอย่างอ่อนโยน ดูเหมือนทาเกชิก็ไม่สังเกตว่ามีแผนอยู่เบื้องหลังการเสแสร้งทำดีนั้น”

แต่อิโตได้วาดภาพโอโซเอื้อมมือไปหยิบที่เขี่ยบุหรี่มาเพื่อเตรียมทุบไม้ปั่นหูให้ทะลุแก้วหูของทาเคอิจิลงไป

ข้อความในหนังสือที่ยกมานี้ใช้สำนวนแปลของวิภาดา กิตติโกวิท จากหนังสือ “เรื่องสั้นญี่ปุ่นคัดสรร” สำนักพิมพ์คนบ้าหนังสือ พ.ศ.2561 ชื่อทาเคอิจิในหนังสือการ์ตูนจะเป็นทาเกชิ

แม้กระทั่งตอนจบของเรื่องทาเคอิจิ หนังสือมิได้เขียนไว้ชัดเจนว่ามิตรภาพของคนทั้งสองลงเอยอย่างไรในตอนแรก แต่ทาเคอิจิฆ่าตัวตายในหนังสือการ์ตูนหลังจากผิดหวังในรักเพราะผู้หญิง

 

ผู้หญิงเป็นประเด็นสำคัญต่อมา ช่วงมัธยมต้นโอโซไปอาศัยอยู่กับป้าและลูกพี่ลูกน้องสองคน คนพี่ร่างผอมใส่แว่นและขี้โรค คนน้องกำลังเรียนหนังสือ หน้าตาดี เขายังคงทำตัวเป็นตัวตลกเพื่อให้สาวๆ มีความสุขโดยที่ตัวเองไม่ได้มีความพอใจกับชีวิตมนุษย์เท่าที่เห็นและเป็นอยู่เท่าใดนัก

โอโซเล่าว่า ตัวเขาเองดึงดูดผู้หญิงเข้าหาได้เสมอๆ และดูเหมือนเขาจะมีกรรมเพราะเรื่องผู้หญิงอยู่เป็นนิจ ความข้อนี้ขยายความอย่างชัดเจนให้เป็นเรื่องทางเพศพร้อมภาพประกอบเรตอาร์จำนวนพอสมควรในหนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่งนี้ หากได้อ่านต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น เชื่อได้ว่าภาพการมีเพศสัมพันธ์กับลูกพี่ลูกน้องสองสาวน่าจะไปถึงเรตเอ๊กซ์ได้ไม่ยาก ผู้เขียนอ่านเฉพาะฉบับภาษาไทย

เป็นเช่นเดียวกับเรื่องของทาเคอิจิที่จบลงด้วยความตาย เรื่องของพี่น้องสองสาวที่มาลุ่มหลงเด็กชายมัธยมอย่างโอโซนั้นจบลงด้วยการตั้งครรภ์และฆ่ากันตาย

จุนจิ อิโต เป็นนักเขียนการ์ตูนสยองขวัญมีฝีมือ ผลงานของเขาเหนือจินตนาการ เขาคงอดไม่ได้ที่จะขยายความให้จะแจ้ง ต่างจากในหนังสือต้นฉบับที่หลายเรื่องได้ปล่อยเอาไว้ให้ผู้อ่านคิดคำนึงมากกว่า

จึงบอกเสมอว่า เด็กๆ อ่านการ์ตูนนั้นได้ แต่วันหนึ่งเราควรมีโอกาสขยับการอ่านไปที่ระดับนวนิยายหรือวรรณกรรม ซึ่งจะเปิดโอกาสให้สมองและจิตใจของเราวาดภาพเอาเองได้ดีกว่ามาก

 

เมื่อโอโซอวดภาพเหมือนตนเองฝีมือแวนโก๊ะห์ให้ทาเคอิจิดู สองคนได้สนทนาเรื่องภาพวาดและผู้หญิง นำไปสู่ความพยายามที่โอโซจะวาดภาพของตนเองออกมาบ้าง ภาพที่ได้นั้นเขียนไว้ในหนังสือเพียงว่า

“ภาพที่หดหู่น่าเศร้าภาพหนึ่งบังเกิดขึ้น”

แต่หนังสือการ์ตูนได้เผยภาพที่ “น่าเกลียด” ของตนเองออกมาให้นักอ่านได้เห็นกันเต็มๆ

บทที่ 4 และ 5 โอโซได้พบกับเพลย์บอยคนหนึ่งชื่อโฮริกิ เขาสอนให้โอโซได้รู้จักการใช้ชีวิตกลางคืน กินเหล้า สูบบุหรี่ หลับนอนกับโสเภณีและมือเติบ ในฉากที่เขาร่วมรักกับหญิงสาวคนหนึ่งนั้นเองที่เขาท่องบทสวดทางพุทธออกมายาวเหยียด ทั้งเอ่ยชื่อพระเถระมากมายถึงระดับอ่านแล้วสะดุ้ง

ดูเหมือนหนังสือการ์ตูนจะช่วยให้นักอ่านพบว่าโอโซไม่ศรัทธาในสิ่งใดเลย หรืออีกมุมหนึ่งคือเขาเองก็ได้พยายามช่วยชีวิตตนเองขึ้นจากขุมนรกนี้อย่างเต็มที่ด้วยกำลังของทุกความเชื่อและศาสนาที่มี

โฮริกิพาโอโซไปเข้าสมาคมลับของพวกคอมมิวนิสต์ซึ่งหากถูกจับได้โทษหนักถึงติดคุกยาวนาน ที่สมาคมลับนั้นเองที่โอโซพบว่าทุกคนใส่หน้ากากแมลง ลำพังความเป็นคนก็ซับซ้อนมากพออยู่แล้ว ความเป็นคอมมิวนิสต์ที่ต้องหลบซ่อนแล้วยังต้องสวมหน้ากากกั้นลงไปอีกชั้นหนึ่งจะขนาดไหน

โฮริกิเป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวที่รู้ใจแต่ตัวเขาเองมิได้หมกมุ่นอะไรกับพรรคเท่าไรนัก โอโซเองเสียอีกที่เข้าช่วยกิจกรรมของพรรคทั้งติดโปสเตอร์และหลับนอนกับสมาชิกพรรคที่เป็นสตรี เขาเริ่มไม่มีเงินใช้เพราะพ่อส่งเงินมาไม่ทัน ชีวิตดำดิ่งใกล้สูญสิ้นความเป็นคนลงไปทุกที จนกระทั่งตอนจบของบทที่ 5 จึงได้พบสตรีคนสำคัญ

สึเนโกะ