จากใจ “เจนนี่ รัชนก” ถึงเจ้าหนี้ และความจน ขอบคุณที่สอนให้รู้จักความสุข

“เรื่องของตัวเองนี่พูดทั้งวันไม่จบ” สาววัย 24 เจนนี่-รัชนก สุวรรณเกตุ ที่กำลังโด่งดังมาก-มาก ในวงการเพลงบอก จากนั้นก็หัวเราะสดชื่น เหมือนชื่อเพลงที่สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองเมื่อราว 3 ปีก่อน “ได้หมดถ้าสดชื่น” ที่หลายๆ คนคงรู้จัก

เพลงที่เจ้าตัวแปรความรู้สึกอยากบ่นแฟน ในช่วงที่เขาออกไปเที่ยว มาแต่งเป็นเพลง เพลงซึ่งเปลี่ยนชีวิตของเธอและทุกคนในครอบครัวที่เคยมีแต่หนี้สิน เป็นมีครบสิ้นทุกอย่างที่ต้องการ ไม่ว่าบ้าน ซึ่งวันนี้ได้ซื้อที่ข้างๆ ต่อเติมความใหญ่ พร้อมสระว่ายน้ำ ห้องซ้อมร้องเพลง ซ้อมเต้น สำหรับนักร้องในค่ายเพลงของตัวเองที่จัดตั้งขึ้น รวมถึงมีรถยนต์ รถตู้ ฯลฯ

รวมถึงมีงานหลั่งไหลให้ได้แสดงคอนเสิร์ตอยู่ทุกวัน

เจ้าตัวบอกว่า ตอนนั้นยังนึกว่าสุดทางฝัน “ยังถามแม่ว่า คงเป็นไปไม่ได้แล้วมั้งที่จะดังอีก”

แต่พอปล่อยเพลง “เลิกคุยทั้งอำเภอ เพื่อเธอคนเดียว” ด้วยความหวังเพียงแค่ให้น้องสาว คือ ลิลลี่-นารีนาท เชื้อแหลม วัย 15 ปี มีเพลงของตัวเองบ้าง กลับประสบความสำเร็จเกินคาดหมาย ได้ยอดวิวถล่มทลาย ชนิดทำไป 100 ล้านวิว ในช่วงเวลาเพียง 3 ชั่วโมงแรกที่ปล่อย และทะลุ 200 ล้านวิวไปเรียบร้อยในปัจจุบัน

“ไม่รู้ตัวเองถูกหวยกี่ใบนะนี่” เจนนี่บอกพลางหัวเราะ

ก่อนเล่าถึงชีวิตให้ฟังว่า ณ ตอนนี้ “ฮอตเลยค่ะ”

นั่นคือนอกจากมีงานร้องเพลงคืนละ 4 งาน ก็ยังได้รับเลือกให้แสดงภาพยนตร์เรื่อง “THE MAID” อันเป็นอีกงานในฝัน

อย่างไรก็ตาม กว่าจะมีวันนี้ได้นักร้องคนใต้บอกว่า เธอสู้มาเยอะ ทำมาแล้วหลายอาชีพ ตั้งแต่เรียนชั้นประถม 6 ไม่ว่าจะขายของ ร้องเพลง และเป็นหางเครื่อง แต่เมื่อหวนคิดแล้ว ทุกอย่างถือเป็น “เรื่องดีของชีวิต” เพราะ “ถ้าไม่เคยผ่านจุดนั้น เราอาจไม่รู้ก็ได้ ว่าความสุขมันวิเศษขนาดไหน”

“ถ้ารวยมาตั้งแต่แรก ก็ไม่รู้หรอกว่าความเหนื่อยเป็นอย่างไร”

และ “เราควรจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ยาวนานที่สุด”

“อยากขอบคุณเจ้าหนี้ทุกคนนะคะ ที่สอนให้พวกเรารู้จักความลำบาก ถ้าไม่เคยลำบากมา คงไม่รู้ว่าวันนี้มีความสุขขนาดไหน”

และเพราะ “รู้” อย่างที่ว่าไว้ข้างต้น เจนนี่จึงบอกว่า แม้สภาพความเป็นอยู่ตอนนี้จะดีขึ้นอย่างไร แต่พวกเธอก็ยังใช้ชีวิตในแบบเดิมๆ

“คนจะมองว่าเราดังแล้ว ชีวิตจะมีความสุข จะบอกว่าไม่เลยนะคะ ยังคงกินข้าวกลางทาง กินข้าวกับปลากระป๋อง มาม่าในรถ กินในรถ นอนในรถ เพราะไม่มีเวลา”

“ซื้อบ้านมาก็ไม่ค่อยอยู่ เพราะว่าบ้านเราคือรถ แต่มีความสุขค่ะ เพราะจะทำงานหนักยังไงก็แล้วแต่ ขอแค่มีคนในครอบครัวอยู่ใกล้ๆ นั่งรถตู้ไปด้วยกันก็พอ”

ขณะเดียวกัน ยังรู้สึกด้วยว่า ชีวิตขึ้นได้ ก็ลงได้ ดังนั้น เมื่อมีแล้วก็ควรเก็บให้ได้มากที่สุด “สร้างเป็นสินทรัพย์ให้เยอะที่สุด จะดีกว่า”

สําหรับอนาคตในวงการ วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เจนนี่บอกว่าตอบไม่ได้จริงๆ

“คิดว่าความดังไม่คงที่ ความดีสิคงทน สอนตัวเองมาตลอด วันนี้ดัง พรุ่งนี้อาจไม่ดังก็ได้ คิดว่าทำตัวดีๆ ไว้ อย่างน้อยดัง ไม่ดัง แต่ว่าเรายังเป็นคนดีเหมือนเดิม คนก็น่าจะโอแล้ว”

ส่วนเรื่องของหัวใจ ซึ่งแม้ตอนนี้จะมีหลายคนเข้าหา แต่ยืนยันว่ายังคงมั่นคงแฟนคนเดิม

“เพราะเรายังคงเหมือนเดิม” เจ้าตัวบอกด้วยท่าทีที่จริงจัง

จากนั้นอธิบายเพิ่ม โดยว่า “ถ้าไม่เหมือนเดิม คงเลิก หาใหม่ คือเราอาจจะเป็นเด็กที่ดูอ่อนน้อม ดูเกรงใจ แต่ว่าสมองทำงานตลอดนะคะ ดูออกว่าใครมาอย่างไร”

“ยินดีที่คนเข้าหาและเราเฟรนด์ลี่อยู่แล้ว แต่หลายประสบการณ์ที่เข้ามา ทำให้รู้ว่าควรจะวางตัวอย่างไร รับมืออย่างไร”

นักร้องซึ่งทุกวันต้องวิ่งรอกเพื่อร้องเพลง ยังบอกอีกว่า ในความรู้สึกของเธอทุกๆ เรื่องในชีวิตตอนนี้ “โอเคแล้ว ลงตัวแล้ว ดีที่สุดกว่าที่หวังไว้แล้ว”

แต่ถ้าต่อไปมีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็พร้อมยอมรับ

“ถ้าจะต้องกลับไปขายของเหมือนเดิมอีกก็ได้ เพราะเรามีบ้าน มีรถ มีทุน ให้เอาของไปขายแล้ว ตอนนี้มันดีที่สุดกว่าที่หวังแล้ว มันเกินแล้ว”

คำแนะนำเดียวสำหรับผู้อยากก้าวตาม

กับคนอื่นๆ ที่อยากจะประสบความสำเร็จบ้าง เจนนี่บอกว่า คำแนะนำเดียวจากเธอคือ “ให้สู้”

นักร้องในค่ายได้หมดถ้าสดชื่นของเธอ ก็จะเลือกปั้นแต่คนที่อยู่ในข่ายดังกล่าวเท่านั้น

“การสร้างศิลปินไม่ได้อยู่ที่คนสร้างนะ อยู่ที่ศิลปินด้วย ว่าเขาพร้อมจะสู้กับเราไหม” เธอให้เหตุผล

“อย่างเจนนี่เอง กว่าจะได้เพลง 200 ล้านวิว ทิ้งเพลงไปไม่รู้กี่เพลง แต่งมาไม่รู้กี่เพลง”

“ก่อนหน้านี้เรารอโอกาส ว่าอยากทำงานกับค่ายดังๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้โอกาสนั้น เลยตัดสินใจว่าทำไมไม่สร้างโอกาสให้ตัวเอง สุดท้ายก็ทำเอง เขียนเพลงเอง ทำเพลงเอง”

“เพราะเชื่อว่าถ้าเราสู้ เราจะดี”

ดีอย่างที่เห็น