ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 กรกฎาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
การเกิด การเมือง
การเมืองใต้ระบอบ คสช.
เก่า ปะทะ ใหม่
นับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 นับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เริ่มจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 จากการลงมติในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 คือผลึกสูงสุดอันสามารถเรียกได้ว่า “ระบอบ คสช.”
ระบอบ คสช.อันมีรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เป็นเครื่องมือ
ระบอบ คสช.อันผ่านการทดลองโดยการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระบอบ คสช.อันผ่านการทดลองโดยการเคลื่อนไหวของ กปปส.
ใครเป็นใครในระบอบ คสช.มิได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว
ไม่ว่าใครคนนั้นจะปฏิบัติการในเชิงปูทางและสร้างเงื่อนไข ไม่ว่าใครคนนั้นจะปฏิบัติการในเชิงลงมือกระทำผ่านกระบวนการรัฐประหาร
ที่ปรากฏผ่าน ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือ ตัวจริงเสียงจริง
ลองย้อนกลับไปศึกษาอย่างถ่องแท้ก็จะประจักษ์ว่านี่คือผลึกในทางความคิด นี่คือการรวมศูนย์ทางการเมือง อันผ่านกระบวนการจัดตั้งอย่างเป็นระบบผ่านสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบ คสช.” โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นตัวแทน
ที่ 7 พรรคฝ่ายค้านเสนอยุทธศาสตร์ต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คสช.จึงเป็นการสรุปที่รวบรัดคมชัดและตรงเป้าอย่างที่สุดเช่นกัน
การเมือง คือการต่อสู้
กำจัด ขจัด คู่ต่อสู้
สภาพการณ์นับแต่ก่อนและภายหลังการเลือกตั้งสะท้อนให้เห็นความพยายามอย่างเด่นชัดของ คสช.ที่จะสืบทอดและรักษาอำนาจของตนอย่างเหนียวแน่นและมั่นคง
ไม่เพียงแต่ใช้รัฐธรรมนูญกำหนดกรอบและกติกา
หากแต่เมื่อผ่านการเลือกตั้งมาแล้วยังไม่สามารถได้ชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จก็ใช้อภินิหารทางกฎหมายที่มีอยู่ในมือเล่นกายกรรม
1 ลดทอนกำลังของฝ่ายตรงกันข้าม 1 จำกัดกรอบของฝ่ายตรงข้าม
ตัวอย่างที่เด่นชัดมากที่สุดคือ การพลิกพลิ้วสูตรคำนวณระบบบัญชีรายชื่อ ตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดคือ การไล่ล่าเล่นงานพรรคอนาคตใหม่ ไม่เพียงแต่โดยกระบวนการฟ้องร้อง ใช้องค์กรอิสระให้เป็นประโยชน์ กระทั่งที่สุดไม่ยอมให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ปฏิบัติหน้าที่ในรัฐสภา
การรุกเช่นนี้ไม่เพียงแต่ยืนยันการดำรงอยู่ของ “ระบอบ คสช.” อย่างเป็น “ระบบ” หากแต่ยังเป็นการเตือนทางการเมืองให้ตระหนักว่า การต่อสู้ทางการเมืองเป็นเรื่องจริงจัง มิได้เป็นการเชิญแขกมากินเลี้ยงอย่างแน่นอน มิได้เป็นการแต่งความเรียงอย่างแน่นอน มิได้เป็นการเย็บปักถักร้อยอย่างแน่นอน
หากแต่เป็นเรื่องที่ฝ่ายซึ่งยึดครองอำนาจต้องการกำจัดและขจัดอีกฝ่ายให้พ้นไปจากวงจรทั้งในทางความคิดและในทางการเมือง
พลวัต การเมือง
ใต้กฎแห่งอนิจจัง
ไม่ว่าอำนาจ ไม่ว่าการเมืองเป็นเรื่องของพลวัต อยู่ภายใต้กฎแห่งอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้ ไม่แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
มองเผินๆ เหมือนระบอบ คสช.มีความแข็งแกร่งและมั่นคง
ด้านหนึ่ง ด้วยการวางกฎกำหนดกติกาและการเล่นกายกรรมทางนิติศาสตร์ทำให้ระบอบ คสช.สามารถยึดกุมและสืบทอดอำนาจ ดำรงอยู่ในสถานะของรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่งด้วยกระบวนการต่อสู้และไม่ยอมจำนนได้ทำให้ฝ่ายที่ต่อต้าน คสช.สามารถเบียดแทรกเข้าไปภายในกระสวนแห่งการเลือกตั้ง มีพื้นที่แสดงบทบาททางการเมืองได้อย่างเป็นฝ่ายรุก เป็นฝ่ายกระทำมิได้ตั้งรับอย่างเดียว
ระบอบ คสช.ดำรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญที่ DESIGN มาเพื่อตนเองอย่างเป็นจริง แต่อำนาจนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงโดยที่องค์กร คสช.อย่างที่เป็นมาจากกระบวนการรัฐประหารก็แปรเปลี่ยนมาเป็นระบอบ คสช.และไม่อาจมีมาตรา 44 เป็นอำนาจพิเศษอีก
รัฐบาลอันเป็นตัวแทนแห่งระบอบ คสช.จึงดำรงอยู่ภายใต้สภาพการณ์ใหม่ในทางการเมืองที่มีสภาผู้แทนราษฎรอันมาจากการเลือกตั้งเป็นพลังถ่วงดุล
พลังจากรากฐานของประชาชนเช่นนี้จะทรงความหมายหากรู้จักใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเมืองยุคใหม่
รากฐาน คือ ประชาชน
สภาพการณ์ทางสังคมในปัจจุบันไม่เพียงแต่เป็นการปะทะระหว่างพลังอำนาจแห่งระบอบ คสช.กับพลังอำนาจแห่งระบอบประชาธิปไตย หากแต่ยังเป็นการเผชิญประสบระหว่างการเมืองแบบใหม่กับการเมืองแบบเก่า
การเมืองแบบเก่าเห็นได้จากที่รวมกันอยู่ภายใต้ร่มธงของระบอบ คสช. การเมืองแบบเก่าเห็นได้จากที่รวมกันอยู่ภายใต้ร่มธงแห่งการลุกขึ้นมาต่อต้านระบอบ คสช.
ภายในแต่ละจังหวะก้าวของการต่อสู้สถานการณ์จะค่อยๆ กลั่นกรองไม่เพียงแต่จะจำแนกแยกแยะให้เห็นขบวนแถวอันเด่นชัดระหว่างการเมืองเก่ากับการเมืองใหม่ หากแม้กระทั่งภายในการเมืองใหม่ก็จะมีการคั้นกลั่นกรองและแยกให้เห็นมากยิ่งขึ้น
ผ่านกระบวนการทางความคิด ผ่านกระบวนการทางการเมือง ผ่านกระบวนการทางการจัดตั้ง
การต่อสู้ทางการเมืองอย่างเข้มข้นจะทำให้สังคมมองเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมในจุดอันเป็นความต่างอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นว่าเก่าเป็นอย่างไร ว่าใหม่นั้นใหม่อย่างแท้จริงหรือไม่