แนวคิดที่เรียกร้องให้พรรคอนาคตใหม่ถอนตัวเพื่อเปิดทางให้กับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เป็นแนวคิดอัน อ่อนไหวอย่างยิ่งในทางการเมือง

เหมือนกับเกิดขึ้นและดำรงอยู่บนรากฐานของพันธมิตรแห่งแนวร่วมต่อต้านคสช.อย่างมั่นคงแน่วแน่

เนื่องจากประเมินว่า หากพรรคอนาคตใหม่ส่งคนลงสมัครแข่งกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เท่ากับจะสร้างความขัดแย้งแตกแยกในทางความคิด

ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคอนาคตใหม่ เท่ากับเปิดช่องทางให้กับคู่แข่งไม่ว่าจะจากพรรคพลังประชารัฐหรือพรรคประชาธิปัตย์

ในที่สุดทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ก็จะพ่ายแพ้

 

ความคิดเช่นนี้นอกจากในเรื่องของพันธมิตรในแนวร่วมแล้วยังเป็นความคิดที่ประเมินบทบาทและความหมายของพรรคอนาคต ใหม่ กับพรรคเพื่อไทยเหมือนเป็นพรรคพี่พรรคน้อง

เมื่อพรรคพี่มีความเข้มแข็งมากกว่า พรรคน้องก็จำเป็นต้องเสียสละ

จึงจะเป็นหลักประกันแห่งชัยชนะอย่างแท้จริง

เป็นความคิดที่เกิดขึ้นโดยที่ยังไม่รู้ว่าพรรคอนาคตใหม่มีใครเป็นผู้สมัคร

เป็นความคิดที่มองเพียงว่าพรรคอนาคตใหม่จำเป็นต้องถอย

แม้ว่าพรรคอนาคตใหม่จะมีรากฐานทางการเมืองเป็นของตนเอง แต่ก็ประเมินว่าคะแนนที่พรรคอนาคตใหม่ได้มาเคยเป็นของพรรคเพื่อไทย

หรือไม่ก็มาจากการไหลไปของฐานคะแนนเสียงอันเป็นของ พรรคไทยรักษาชาติ โดยมิได้มองว่าเป็นคะแนนและความนิยมอันเป็นของพรรคอนาคตใหม่เอง

เท่ากับให้พรรคอนาคตใหม่เสียสละเพื่อพรรคเพื่อไทย

 

จุดอ่อนอย่างสำคัญของแนวคิดนี้ก็คือ เริ่มต้นจากที่พรรคอนาคตใหม่จำเป็นต้องเสียสละเพราะเป็นพรรคเกิดใหม่ เพราะมีฐานคะแนนเสียงน้อยกว่าพรรคเพื่อไทย

จำเป็นต้องถอยเพราะเป็น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์

แม้จะเริ่มต้นด้วยความปรารถนาดี แต่เชื่อได้เลยว่าพรรคเพื่อไทยก็ไม่เห็นด้วย

ยิ่ง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ยิ่งไม่เห็นด้วย