สิ่งที่คุณอาจไม่รู้มาก่อนเกี่ยวกับการขี่มอเตอร์ไซค์ ที่ฉีกหัวใจออกเป็นสองซีก

บอร์เนียว (2) สิ่งที่คุณอาจไม่รู้มาก่อนเกี่ยวกับการขี่มอเตอร์ไซค์ ที่ฉีกหัวใจออกเป็นสองซีก

บริษัททัวร์ที่จัดการเดินทางไปบอร์เนียวน่ะ มันมียุทธศาสตร์การทำกำไรที่ยอดเยี่ยมมาก เราได้รู้ยุทธศาสตร์ของมันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายของทริปทีเดียว

เสียเพียงแต่ว่า เราไม่รู้ยุทธศาสตร์การทำกำไรของมันก่อนทริปเท่านั้นเอง…จึงได้หลวมตัวไปกับมัน

ยุทธศาสตร์การทำกำไรของมันน่ะเรียบง่ายมาก มันเขียนเป็นตัวหนังสือเล็กๆ ไว้ใต้ใบสมัครอยู่สองข้อ

ข้อแรก มันมีสิทธิ์จะเปลี่ยนแปลงเวลาและกำหนดการ และทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามแต่ใจมันจะปรารถนา

ข้อสอง มันไม่คืนเงินให้ทั้งสิ้นไม่ว่ากรณีใดๆ

แล้วมันก็เปลี่ยนเวลาไปมาตามความเหมาะสม (มันอ้างอย่างนั้น) แต่ความจริงแล้ว การเปลี่ยนเวลาของมันเป็นยุทธศาสตร์ของมัน คนจะได้ยกเลิก มาไม่ได้ แล้วมันก็ไม่คืนเงิน รับกำไรไปงามๆ รับกำไรไปเต็มๆ

แน่นอน มันใช้ยุทธศาสตร์นี้กับเราด้วยอย่างไม่ละเว้น

กําหนดการขึ้นเรือไปบอร์เนียวน่ะ ต้องเอามอเตอร์ไซค์ไปไว้ที่พอร์ตกลัง ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ก่อนเวลา 17.00 น. มันคอนเฟิร์มอย่างนี้ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ แต่พอมาถึงวันที่เจ้าดูคาติถูกส่งขึ้นไปในรถกระบะในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และนัดรับรถวันที่ 24 กุมภาพันธ์ มันก็เปลี่ยนกำหนดเป็นว่า รถต้องมาถึงท่าเรือที่พอร์ตกลังวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เวลา 17.00 น.

ตั๋วเครื่องบินก็ต้องเปลี่ยน, กำหนดการขนส่งรถก็ต้องเปลี่ยน แล้วกำหนดการขี่ท่องเที่ยวในมาเลเซียสามสี่วันก็เป็นอันต้องถูกยกเลิกไป ภารกิจทั้งหมดเปลี่ยนจากการขับขี่ท่องเที่ยว แล้วเอารถไปไว้ที่พอร์ตกลัง กลายเป็นต้องเอารถไปให้ถึงพอร์ตกลังจากหาดใหญ่โดยมีเวลาขี่ยี่สิบหกชั่วโมง

ภารกิจขี่รถท่องเที่ยว ถูกเปลี่ยนเป็นภารกิจขี่รถโลจิสติก

เครื่องบินลงเวลา 15.00 น. กำหนดรับรถเวลาประมาณเดียวกันที่ DUCATI หาดใหญ่, ปรากฏว่ารถขนส่งเสียเมื่อคืน ต้องมีการเปลี่ยนรถ คาดว่าจะช้าไปสามชั่วโมง คงเหลือเวลาเพียงยี่สิบสามชั่วโมงในการพารถข้ามแดนไปให้ถึงพอร์ตกลัง

ระยะทางการขับขี่จากตัวเมืองหาดใหญ่ไปถึงพอร์ตกลังประมาณ 561 ก.ม. หากทุกอย่างเรียบร้อยดี มันก็คงจะทำได้ในวันเดียว แต่หากมีปัญหา เช่น พายุฝน หรือยางแบน หรือน้ำมันหมดกลางทาง หรืออะไรก็ตาม เงินที่จ่ายไปค่าทัวร์ ค่าขนส่งมอเตอร์ไซค์ขึ้นเรือ และทริปไปบอร์เนียวก็เป็นอันหายวับไปกับตา

ดังนั้น วันนี้ตั้งเป้าหมายเอาให้ถึงเมืองบ้านเกิดของท่านนายกฯ อาวุโสของมาเลเซีย ท่านมหาธีร์ เมืองาลอร์ซีตาร์ก็แล้วกัน ถึงแม้จะไม่ไกลมาก

แต่ก็ลดระยะทางไปได้ประมาณหนี่งร้อยกิโลเมตร แล้วก็ยังข้ามแดนไปเรียบร้อยอีก

ว่าแล้วก็ออกเดินทาง ความตั้งใจขี่มอเตอร์ไซค์ในความเสี่ยงต่ำที่ปฏิบัติมาโดยตลอด ก็เป็นอันว่าไม่ได้ทำในการขี่มอเตอร์ไซค์ครั้งนี้

ทั้งขี่ตอนกลางคืน ข้ามแดนตอนกลางคืน ใช้ความเร็ว…ต้องทำหมด

ออกเดินทางจากเมืองหาดใหญ่ในเวลาประมาณหกโมงกว่าตอนเย็น แวะรับเอกสารผ่านแดนกลางทาง แล้วก็ขี่ข้ามแดน เมื่อไปถึงด่านสะเดาก็มืดสนิทเรียบร้อยแล้ว

ถึงด่านฝั่งไทย จอดรถไว้หน้าอาคารที่จะปั๊มพาสปอร์ต แวะเข้าห้องน้ำ ได้ยินเขาคุยกัน “รถไทย” เสียงแปลกๆ เลยรีบออกมา นั่นไงว่าแล้ว…กระเป๋าถูกเปิดอยู่ มีคนแอบเปิดกระเป๋าเรา

รีบย้ายรถ ปั๊มพาสปอร์ต เดินออกมาค้นกระเป๋าตัวเอง ของหายน่ะไม่กลัว กลัวของที่เพิ่มมาต่างหาก ไม่พบอะไร แล้วก็ตัดสินใจเดินทางต่อ

ข้ามมาถึงฝั่งมาเลเซียที่ด่านบูกิตกายูฮิตัม ยังคงได้รับการต้อนรับอย่างดีเหมือนเช่นเคย เพียงไม่ถึงสิบนาที เจ้าดูคาติเหลืองก็ส่งเสียงอันธพาลน่าฟังอยู่ในถนนสาย E1 ถนนที่ยอดเยี่ยม ราบเรียบในประเทศมาเลเซีย ความรู้สึกเริ่มผ่อนคลายลง

และหลังจากหลงไปหลงมาในเมืองอาลอร์ซีตาร์นิดหน่อย ดูคาติเหลืองและเจ้านายของมันก็เข้าสู่ตัวเมืองได้สำเร็จ

ขี่ชื่นชมมัสยิดสีดำที่เลืองชื่อของเมือง อันมีนามว่า Zahir ในยามค่ำคืน มีไฟส่องเฉิดฉายเปล่งรัศมีความงดงาม และความศรัทธาของผู้คนในประเทศมาเลเซียซึ่งเป็นประเทศมุสลิม

ตามติดด้วยหอคอยสูงเด่นที่มีไฟติดตั้งส่องแจ่มจริสเจิดจ้า เป็นหอมีชื่อเดียวกับชื่อเมือง ให้ความรู้สึกสดใสและมีชีวิตชีวามากทีเดียว

เวลาประมาณสี่ทุ่มครึ่ง ตามเวลาของมาเลเซีย (ขาดทุนไป 1 ชั่วโมง) เจ้าดูคาติและเจ้านายของมันก็เช็กอินในโรงแรมใกล้หอคอยที่สวยงามของเมืองเรียบร้อย

รวมระยะทางวันนี้ 118.8 ก.ม.

เช้าวันถัดมา ตื่นแต่เช้าตรู่ ออกเดินทางโดยพลัน อาหารเช้าค่อยว่ากัน วันนี้มีระยะทางประมาณสี่ร้อยหกสิบกิโลเมตร และต้องไปให้ถึงก่อน 17.00 น. มุ่งหน้าสู่ทางด่วนอันราบเรียบสวยงาม E1 ของประเทศมาเลเซียโดยพลัน

การขับขี่ในยามเช้าตรู่ ความสงบในยามเช้า ความไม่เร่งรีบของผู้คน แสงอาทิตย์ที่นุ่มนวล ให้ความรื่นรมย์อยู่เสมอ จนถึงเวลาที่เจ้าดูคาติร้องเตือนว่าหิวแล้วผ่านหน้าปัดที่มีทุกอย่างครบถ้วนของมัน เจ้านายของมันก็เลี้ยวเข้าปั๊ม ไม่พบปิโตรนาสในเช้าวันนี้ แต่พบเพทรอน… ไวน์ชั้นเลิศออกเทน 100 เต็ม ไวน์เลิศรสที่ดีที่สุดที่มันเคยได้ลิ้มลอง

ออกจากปั๊มน้ำมันได้สักพัก ก็ผ่านเมืองที่พลุกพล่านปีนัง ความเร็วลดลงเพราะรถจำนวนมากบนท้องถนน

เมื่อผ่านปีนังมาก็เป็นทางตรงยาว เจ้าดูคาติส่งเสียงดุดันเพราะพริ้ง เจ้านายของมันก็ยังคงส่งคำสั่งผ่านมือขวาให้เครื่องยนต์สองสูบระบายความร้อนด้วยอากาศผลิตม้าออกมาวิ่งเพ่นพ่านต่อเนื่อง

พ้นจากทางตรงยาวก็เป็นทางขึ้นภูเขาสู่เมืองอีโปว์ เจ้าดูคาติเหลือง เครื่องยนต์หนึ่งพันเจ็ดสิบเก้าซีซี กับระบบวาล์วไร้สปริงอันเป็นซิกเนเจอร์ของมัน พุ่งทะยานไปข้างหน้า เอียงเข้าสู่โค้งที่งดงามบนถนนที่ราบเรียบ รายล้อมด้วยภูเขาสูงใหญ่ ต้นปาล์มจำนวนมากมาย หมอกเล็กน้อย อากาศเย็นสบาย เช้าที่ยอดเยี่ยม เป็นการพุ่งทะยานที่ยอดเยี่ยม เป็นวาล์วที่ยอดเยี่ยม เป็นม้าอิตาเลียนที่ยอดเยี่ยม แล้วเราก็มาถึงอุโมงค์ที่ยอดเยี่ยม

อุโมงค์ยาวแปดร้อยเมตรที่เมื่อมีนาคมสองปีที่แล้ว ขี่เจ้าสองสูบเสียงเพราะ ดอกไม้ที่ชอบสัมผัสสายลม ไทรอัมป์สีแดงพุ่งทะยานเข้ามาเพื่อผลิตเสียงที่คับก้องอุโมงค์ผ่านท่อไอเสียคู่ของมัน

ทั้งทริปห้าพันสองร้อยกว่ากิโลเมตร ในอุโมงค์ยาวแปดร้อยเมตรนี้ คือเสียงเพราะที่สุด

ครั้งนี้เป็นทีของเจ้าดูคาติเหลืองสองสูบเสียงอันธพาลบ้าง

ลดความเร็วลง ทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้า และทันทีที่พ้นจากแสงอาทิตย์เข้าสู่ใต้ภูเขาหิน มือซ้ายบีบคลัตช์ เท้าซ้ายตบลงสองเกียร์ ปล่อยคลัตช์เสร็จมือขวาก็เปิดคันเร่งส่งไวน์ออกเทนร้อยผ่านหัวฉีด ส่งอากาศเย็นในถ้ำผ่านวาล์วโบราณ เครื่องยนต์ผลิตม้าถ่ายทอดสู่ล้อลายปุ่มของมัน

พร้อมทั้งผลิตเสียงออกมาสู่ท่อไอเสียคู่เดิมๆ จากโรงงานของมัน

ถึงแม้จะเป็นท่อไอเสียคู่เดิมๆ จากโรงงาน แต่มันก็แผดสะเด่าเร้าใจ กรีดลงไปที่หัวใจได้ความสาสมเป็นอย่างยิ่ง

…หากเจ้าสองสูบเสียงเพราะให้อารมณ์โหยหวนเพราะพริ้งคิดถึงคอนเสิร์ตกันส์แอนด์โรสเซส คงเป็นเพลงบัลลาดเฉกเช่นโนเวมเบอร์เรน (November Rain) หรือ โด๊นคราย (don”t cry)

แต่เจ้าสองสูบอันธพาล มันก็ยังคงเป็นคอนเสิร์ตกันส์แอนด์โรสเซสเช่นเดียวกัน แต่เป็นเพลงที่แผดร้องก้องสนั่น ดิบเถื่อน เฉกเช่น ยู คูด บี มายน์ เยสสสสสสสสสสส อ้ากกกกกกส์ and I rip your heart in two ฉันจะฉีกหัวใจเธอเป็นสองซีก