นางเอฟเรน ดาเดเลน อักกุน (H.E. Ms. Evren Dağdelen Akgün) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันที่15 กรกฎาคม ค.ศ. 2019 ที่ใกล้จะถึงนี้ เป็นวาระครบรอบสามปีซึ่งตุรกีถือเป็นวันแห่ง “ประชาธิปไตยและเอกภาพของตุรกี”

ผู้คนนับล้านยังคงจำได้ว่า ความพยายามก่อรัฐประหารโดย เฟตฮุลเลาะห์ กูเลน หรือกระบวนการก่อการร้ายเครือข่าย “ฟีโต้” (FETO : Fethullah Gülen Terrorist Organization) เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2016 เพื่อล้มรัฐบาลของประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน (Recep Tayyip Erdoğan) นั้น ได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 251 คนและบาดเจ็บมากกว่า 2,000 คน

อย่างไรก็ตาม มีชาวตุรกีหลายพันคนได้ออกไปชุมนุมตามท้องถนน เข้าทำการขัดขวางผู้พยายามก่อรัฐประหาร เพื่อปกป้องประชาธิปไตยและเสรีภาพ

“ฟีโต้” และหน่วยงานสาขายังคงแฝงตัวตามสถานศึกษา สมาคมธุรกิจ หรือองค์กรการกุศลทั่วโลก อันเป็นอันตรายต่อประเทศตุรกี แต่ตุรกีวันนี้ มีความแข็งแกร่งและยืนหยัดต่อสู้กับ “ฟีโต้” รวมทั้งกลุ่มก่อการร้ายอื่น ๆ ในภูมิภาคในฐานะผู้แสดงระดับโลกที่มีความรับผิดชอบ ตุรกีนับเป็นผู้นำในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (เป็นประเทศผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดในปี ค.ศ.2017 ด้วยเงินจำนวน 8 พันล้านดอลล่าร์ และเป็น “ประเทศที่มีน้ำใจมากที่สุด” บนพื้นฐานของการใช้จ่ายด้านมนุษยธรรมต่อหัว) อีกทั้ง เป็นเจ้าภาพผู้ลี้ภัยมากกว่า 4 ล้านคน ส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้านคือ ซีเรีย

ในฐานะสมาชิก G20 และคู่เจรจาอาเซียน (ASEAN) ความสัมพันธ์ของตุรกีกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน ด้วยภารกิจ 240 แห่งในโลกอันรวมถึง 10 ชาติสมาชิกอาเซียน และโดยเฉพาะเครือข่ายทางการทูตที่แข็งแกร่งของตุรกี ได้ช่วยทำให้ตุรกีมีรูปแบบความร่วมมือที่หลากหลายกับทุกภูมิภาคของโลก

ตุรกีและไทยได้จัดงานฉลองครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี ค.ศ. 2018 และมองหาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นในทุกสาขา โดยมีเป้าหมายเพิ่มความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจในระดับทวิภาคี และทั้งสองฝ่ายต่างก็เร่งการทำงานเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งคาดว่าเขตการค้าเสรี จะช่วยเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างสองประเทศเป็นอย่างมาก โดยในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ