เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์/ พรุ่งนี้…จะไม่มีแม่แล้ว

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

พรุ่งนี้…จะไม่มีแม่แล้ว

 

ชื่อตอนฉบับนี้ เป็นชื่อซีรี่ส์เรื่องใหม่ครับ ไม่ได้ออกอากาศทางช่องดิจิตอลที่ไหน แต่มีให้ได้ชมกันทาง  Line TV

ซีรี่ส์ได้ออกอากาศไปแล้ว 3 ตอน จาก 10 ตอน ซึ่งใครยังไม่เคยชมก็สามารถชมย้อนหลังได้ ยังตามเรื่องราวสนุกๆ ได้ทันครับ โดยจะออกอากาศตอนใหม่ในทุกวันพฤหัสบดี

“พรุ่งนี้…จะไม่มีแม่แล้ว” เป็นผลงานการสร้างของเจเอสแอล ที่ทำเป็น Original Content ให้กับ Line TV หลังจากปีก่อนได้ทำรายการ The Hidden Songs ให้ไปแล้ว 13 ตอน และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

“พรุ่งนี้…จะไม่มีแม่แล้ว” เป็นการรีเมกจากต้นตำรับของญี่ปุ่น ในชื่อว่า  “Ashita Mama Ga Inai” ออกอากาศทาง Nippon TV ไปเมื่อปี 2014

 

ตอนแรกที่ออกอากาศไปก็ได้รับการต่อต้านจากหน่วยงานของสถานสงเคราะห์เด็กหลายแห่ง ขอให้ถอนซีรี่ส์นี้ออกจากหน้าจอ

ด้วยเนื้อหาที่รู้สึกว่าได้สะท้อนบรรยากาศที่ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง โดยเฉพาะการแสดงออกของคนดูแลหรือเจ้าหน้าที่ จะทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดได้

แต่ทางผู้จัดยืนกรานที่จะฉายต่อ

พอตอนที่สองผ่านพ้นไป สปอนเซอร์ที่สนับสนุนก็พากันถอนออกหมด

ตอนต่อจากนั้นจึงเป็นการฉายโดยไม่มีผู้สนับสนุนเลย

ทางสถานีบอกว่า ขอให้ดูไปจนจบแล้วจะเข้าใจว่าซีรี่ส์เรื่องนี้จะบอกอะไรกับสังคม ซึ่งผลก็พบว่าเป็นซีรี่ส์ที่โด่งดังมาก ด้วยเนื้อหาที่กินใจ ผ่านการแสดงที่ยอดเยี่ยมของกลุ่มเด็ก ที่สะท้อนถึงความรักและมิตรภาพระหว่างกัน

ในขณะที่ความรักกับครอบครัวนั้นกลับพร่องและติดลบเสียเหลือเกิน

 

“พรุ่งนี้…จะไม่มีแม่แล้ว” เป็นเรื่องราวของเด็กหญิง 4 คนที่มีอันต้องมาอยู่ร่วมกันในบ้านนกกางเขน ซึ่งเป็นบ้านสำหรับเลี้ยงดูเด็กกำพร้าที่มีทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย

บ้านนี้มีคนดูแลเป็นชายวัยกลางคนท่าทางโหดเหี้ยมใจร้ายจนไม่น่าจะมาใกล้ชิดกับเด็กได้เลย ชื่อว่า “ครูยักษ์” นำแสดงโดย เดวิด อัศวนนท์ ที่แค่ดูภาพลักษณ์ภายนอกก็ได้อารมณ์ความใจร้ายเสียนักแล้ว

ส่วนตัวละครที่เป็นเด็กหญิงทั้ง 4 คัดมาจากนักแสดงเด็กที่เคยมีผลงานมาบ้างแล้ว ทั้งละครและถ่ายโฆษณา ซึ่งบนความน่ารักสดใสของแต่ละคนก็มีเรื่องราวแต่หนหลังให้ได้ติดตามกัน

คนแรกในเรื่องชื่อว่า “พอใจ” แสดงโดย น้องแฟรี่-ปารย์ชนก ผ่านสำแดง ในตอนที่ 1 นี้จะเปิดเรื่องที่ตัวพอใจ เห็นถึงเหตุการณ์ที่ต้องพาพอใจมาอยู่ที่บ้านนกกางเขนนี่ เพราะแม่แท้ๆ ไปทำร้ายร่างกายแฟนใหม่จนเป็นคดีถูกตำรวจจับไป ไม่มีใครคอยดูแล นักสังคมสงเคราะห์จึงพาน้องมาพักอยู่ที่นี่ชั่วคราวและได้เจอกับตัวละครเด็กคนอื่นที่อยู่ที่บ้านนี้อยู่แล้ว

ในความรู้สึกของพอใจก็คือ “ชั่วคราว” คิดว่าเดี๋ยวแม่ก็จะมารับกลับ แต่ในความจริงนั้น เมื่อแม่มาหาที่บ้านพัก ก็ไม่ได้พาพอใจกลับบ้านแต่อย่างใด นั่นทำให้เธอเปลี่ยนชื่อตัวเองจากพอใจ เป็นจำใจ

 

ตัวละครต่อมาชื่อว่า “พัสดุ” ชื่อแปลกดีใช่ไหมครับ ทำไมต้องชื่อพัสดุ ในละครจะมีบอกครับ พัสดุรับบทโดยน้องมากิ-มาชิดา สุทธิกุลพานิช เป็นเหมือนหัวโจกของกลุ่มที่ดื้อรั้น รู้เห็นเยอะ มีบุคลิกที่ไม่ไว้วางใจใครทั้งนั้น บุคลิกที่ก้าวร้าวนั้นเพื่อปิดบังความอ่อนแอของตน

แม้พัสดุจะมีพ่อ-แม่ฝากเลี้ยงมาคอยรับไปดูแลเป็นครั้งคราว แต่พัสดุก็ไม่เคยเชื่อว่าพวกเขาจะยินดีรับเธอไปเลี้ยงดูจริงๆ ตลอดไป

ในละครได้สะท้อนให้เห็นพฤติกรรมของครอบครัวฝากเลี้ยงของพัสดุว่า การที่รับเด็กไปดูแล (ชั่วคราว) นั้นก็เพื่อสนองความต้องการส่วนลึกของตนเองมากกว่าที่ตั้งใจจะมอบความรักความอบอุ่นให้กับเด็ก

 

ตัวละครอีก 2 ตัวมีภาพลักษณ์ที่มีสีสันอย่างมาก คือ “เปียโน” กับ “นกกระจิบ”

โดยเฉพาะ “เปียโน” ที่รับทโดยน้องเคทเคท-แคทเทอร์ลีน จันทรวิสูตร จะออกแนวแก่แดดมากกกก….แค่ฉากที่เธอบรรจงเอาเครื่องแต่งหน้ามาประทินโฉมตัวเองกับกระจก แล้วก็จีบปากจีบคอพูดฉอดๆๆ ก็ชวนหมั่นไส้แกมขบขันแล้ว

เปียโน มาจากครอบครัวฐานะดีแต่ล้มละลาย แม่ทิ้งไป และพ่อก็หลบหน้าไม่มาพบลูก ท่ามกลางความเชื่อที่ยังยึดติดอยู่กับอดีตว่าตนเป็นเหมือนเจ้าหญิงที่มีความเพียบพร้อมเหนือกว่าใครๆ แต่ในความจริงนั้นก็ยังต้องไขว่คว้าหาความรักอยู่เลย

สำหรับ “นกกระจิบ” นั้นรับบทโดยน้องจัสมิน เทเลอร์ ด้วยหน้าตาน่ารัก ตากลมโต ใส่แว่น ก็ชวนให้ติดอกติดใจไม่น้อย บวกกับความเป็นคนช่างพูดด้วยคำพูดเกินเด็กก็ขับให้นกกระจิบนั้นยิ่งน่าเอ็นดู

“นกกระจิบ” เป็นเด็กช่างฝัน มีจินตนาการ ดูลัลล้าที่สุดใน 4 คน กระจิบจะมองโลกแบบสวยงาม ช่างเจรจา แต่แอบมีเรื่องขมขื่นซ่อนอยู่ด้วยคิดถึงแต่ครอบครัวที่ไม่มีวันจะกลับมา เพราะพ่อ-แม่ได้เสียชีวิตไปแล้วจากอุบัติเหตุ

 

นอกจากนักแสดงเด็กๆ ที่ว่าแล้ว ยังมีนักแสดงมืออาชีพร่วมแสดงด้วยหลายคน ได้แก่ แอร์-ภัทราริน ปัญญานุตธรรม รับบทเป็นนักสังคมสงเคราะห์ชื่อ “พี่น้ำ” ที่มีประวัติเป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นกันกับเด็กๆ

แล้วก็มี อัด-อวัช รัตนปิณฑะ ในบท “สิง” ในตอนแรกๆ เราจะยังไม่ได้ยินเสียงการพูดของเขาเลย อันเป็นผลจากที่พ่อกระทำกับเขาตอนเด็กๆ โดยจับเขายัดขังไว้ในห้องน้ำมืดๆ แคบๆ มันกระทบกระเทือนความรู้สึกและจิตใจของเขาอย่างมาก

ยังมีพลอย ศรนรินทร์ ร่วมแสดงด้วย ในบทของเด็กกำพร้ารุ่นโตที่เหลืออยู่ในบ้านนกกางเขนนี้ รอคอยวันที่จะมีคนมารับไปอุปการะสักที แต่แฟ้มการยื่นความจำนงมาล้วนแล้วแต่ต้องการอุปการะเด็กเล็กๆ ทั้งนั้น และถ้าเธออยู่ถึงอายุ 18 ปี ก็จำต้องออกจากบ้านไป

ร่วมด้วยนักแสดงมากฝีมืออย่างเต๋า-สโรชา วาทิตตพันธ์, ทราย  เจริญปุระ, ลีโอ พุฒ

 

ซีรี่ส์เรื่องนี้จะสะท้อนเรื่องราวของ “ความรัก” ระหว่าง “เด็ก” ที่มีต่อ “คนเป็นพ่อเป็นแม่” ได้อย่างดี เพราะในสังคมจริง ผลเลวร้ายที่เด็กๆ ได้รับก็ล้วนมาจากการกระทำของผู้ใหญ่ทั้งนั้น โดยเฉพาะพ่อกับแม่ที่ไม่มีความพร้อมในการให้กำเนิดเด็ก ไม่มีวุฒิภาวะ ความรู้ และความรับผิดชอบเพียงพอที่จะดูแลลูกให้ถูกที่ถูกทาง

เรียกว่าเรื่องนี้สอน “ผู้ใหญ่” ได้เป็นอย่างดี

สำหรับการทำงาน ได้ดัดแปลงบริบทบางอย่างให้เข้ากับวิถีชีวิตและสังคมไทย แต่ก็ยังคงเก็บแก่นของเรื่องที่ต้องการจะสื่อสารไว้อย่างครบถ้วน ผ่านฝีมือการกำกับฯของปณิธาน พิศิษฐการ

จากที่ได้ดูไป 3 ตอน เชื่อว่าถ้าใครได้ดูจะหลงรักและทึ่งกับความสามารถของเด็กหญิงทั้ง 4 คนแน่นอน แต่ละคนถ่ายทอดความเป็นตัวละครออกมาได้อย่างน่าทึ่ง และสามารถถ่ายทอดความซับซ้อนทางอารมณ์ของตัวละครได้อย่างวิเศษ เรื่องร้องไห้ไม่ต้องห่วงเลย กำหนดได้เหมือนมืออาชีพมากๆ

อย่าลืมนะครับ ติดตามได้ทาง Line TV ทุกวันพฤหัส

“พรุ่งนี้…จะไม่มีแม่แล้ว”