รายงานพิเศษ : ที่มาของความชอบ ปอกเปลือกความรู้สึก ก่อนมาเป็น “ดารา”

ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์

เป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนฝันอยากทำงานในวงการบันเทิง เพราะเป็นอาชีพที่ทำให้โด่งดังมีชื่อเสียงและเงินทอง

แต่หลายๆ ครั้งที่ได้ฟังคำตอบจากเหล่าดาราคนบันเทิงถึงเหตุผลที่เขาเลือกทำอาชีพนี้ ซึ่งทุกคนก็ตอบคล้ายๆ กันว่า เพราะ “ความรัก” และ “ความชอบ” ในการแสดง ร้องเพลง และสร้างความสุขให้กับคนดู

แล้วที่มาของความชอบของพวกเขามาจากอะไร

วันนี้จะพาไปหาคำตอบ

 

“ธรรมชาติพื้นฐานผมเป็นคนสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านอ่ะครับ” เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี สารภาพพลางหัวเราะ

“เวลาที่เราไปดูหนัง มันเหมือนเราไปสอดรู้ สอดเห็นเรื่องชาวบ้านโดยไม่รู้สึกผิด ปกติคือเราจะเข้าไปคุยกับเขาได้หรือเปล่า เขาจะสะดวกเล่าไหม แต่พอดูหนัง เหมือนเขาเล่าชีวิตให้เราฟัง เหมือนเข้าไปนั่งดูชีวิตเขา มันเพลินมาก ผมสนุกกับการดูชีวิต อุ๊ย ! มีมุมนั้น มุมโน้นด้วย ตั้งแต่เด็กเลย จน ม.ปลายได้ไปดูหนังเรื่อง “Brave Heart” คือเมื่อก่อนผมจะดูแต่หนังแอ๊กชั่น หนังตลก ไปดูเบรฟ ฮาร์ท เพราะเข้าใจว่าเป็นหนังแอ๊กชั่น ปรากฏว่ามีพาร์ตดราม่า พาร์ตกู้ชาติ ซึ้งมากเลย ดูแล้วร้องไห้ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมร้องไห้โดยไม่แน่ใจว่าร้องเพราะอะไร เศร้าก็ไม่ได้ขนาดนั้น สรุปแล้วคือประทับใจนั่นแหละ แต่ว่าเรายังไม่รู้จักคำนี้จากการดูภาพยนตร์มาก่อน พอดูแล้วรู้สึกว่า โห หนังเรื่องหนึ่งมันก่อให้เกิดความรู้สึกนี้กับเราได้เลยเหรอ รู้สึกอยากจะทำมันละ อยากทำสิ่งนี้กับคนอื่นบ้าง”

เด็กสายวิทย์ ที่ตั้งเป้าจะเป็นหมอ ไม่ก็นักวิทยาศาสตร์ อย่างเขาจึงบอกที่บ้านว่าจะเปลี่ยนมาสายศิลป์ เป็นคนสร้างภาพยนตร์แทน ซึ่งครอบครัวก็ไม่ได้คัดค้าน แต่ถามหลายรอบว่าแน่ใจเหรอ ว่าจะยึดเป็นอาชีพได้?

“ณ เวลานั้นผมยังไม่มั่นใจเลยนะ แต่ก็ยืนยันไป”

และ ณ ตอนนี้ก็รู้สึกภูมิใจมากที่ตัดสินใจไม่ผิด

“ผมภูมิใจตั้งแต่วันนั้นเลยครับ ที่ผมเลือกเข้ามาในเส้นทางสายภาพยนตร์” บัณฑิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ว่า

“มันเป็นการยืนยันความคิดของผมอันนึงว่าเมื่อเราทำสิ่งที่เรารัก มันจะไม่มีวันล้มเหลว ความรักจะพยุงเราไปเรื่อยๆ เหมือนพอเรารู้ว่าเราชอบดูหนัง แล้วมีความรักในภาพยนตร์ มีความสุขที่ได้ทำมัน เมื่อผมรักมันขนาดนั้น ผมจะทำให้มันแย่ไม่ได้นะ มันจะเกิดความรู้สึกว่าเราต้องทำสิ่งที่เรารักให้มันดี”

 

ต่างกับ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ที่บอกว่าความชอบของเขาเกิดจาก “ความบังเอิญ” ที่กลายเป็น “แรง” ขับเคลื่อนชีวิต

“คือผมเจอคนเรียกเข้าไปแคสติ้ง ตอนแรกเราก็ไม่ไป ขี้เกียจอะครับ มันไม่อยากไป รู้สึกว่ามันไกลมาก ครั้งแรกก็เลยไม่มา” เขาว่าพลางหัวเราะ

“แต่เขาก็โทร.มาซ้ำ เลยคิดว่าไปแล้วจะได้จบกัน”

“ตอนที่แคสยังไม่รู้สึกอะไร แบบมาแคสเฉยๆ แล้วดันผ่านไง ก็รู้สึกว่าเป็นหน้าที่การรับผิดชอบ ว่าเราต้องทำให้สำเร็จ”

“แต่พอเล่นไปเล่นมา รู้สึกว่าทำไมเราสนใจ พอเราแสดง เราก็รู้สึกกับสิ่งสิ่งนี้ เพราะปกติแล้วเวลาผมทำอะไร ผมไม่เคยอยู่กับสิ่งสิ่งไหนได้นาน มันจะโอ๊ย! เบื่อ ขี้เกียจ แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่รู้สึกมา 20 กว่าปีแล้วครับ ไม่เคยมีสักวันที่ไม่อยากตื่นไปกองถ่าย กลับบ้านมาคิด หรือว่าเราอินกับเรื่องที่เราถืออยู่ในมือ มันเป็นความรู้สึกนั้นครับ ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก แล้วมันก็รู้สึกมาเรื่อยๆ ไม่เคยเปลี่ยนเลย”

“ก็เลยเริ่มเข้าใจว่า อ๋อ! เราคงขาดสิ่งนี้ไม่ได้”

ทุกวันนี้จึง “มีอาชีพที่รักอย่างเดียวก็คือการแสดงครับ” ซันนี่ บอกพลางยิ้ม

ดีเจพุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน
ดีเจพุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน

ส่วน ดีเจพุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน ที่เริ่มต้นงานในวงการบันเทิงจากการเป็นนักจัดรายการวิทยุ และแม้ตอนนี้จะโด่งดังจากงานแสดงมากมาย แต่ก็ไม่เคยคิดจะทิ้งงานนี้ บอกว่า ความชอบในอาชีพดีเจของเขาเกิดจากการฟังเพลง

“เมื่อก่อนจะฟัง นิมิตร ลักษมีพงศ์ หรือว่า โบเต๋ เพราะชอบเพลงสากล แล้วก็ชอบเสียงพี่เขา เพราะเสียงหล่อดี”

“ซึ่งตอนนั้นเรายังเรียนอยู่นิเทศศาสตร์ ก็กลัวว่าจบไปจะไม่มีงานทำ เลยคิดว่าระหว่างเรียนจะทำอะไรดีที่มันเกี่ยวกับสิ่งที่เราเรียนมา เลยมองที่ดีเจ เพราะมันไม่ต้องใช้หน้าตา ใช้แค่เสียง”

จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ค่อยๆ ก้าว ก็ทำให้เขากลายเป็นพระเอกสุดฮ็อตของเมืองไทย

ทุกวันนี้จึงรู้สึก “ดีใจมากนะครับ อยากขอบคุณทุกคนที่คอยผลักดัน ชี้นำ ให้โอกาสได้มาทำในสิ่งที่รัก และทำมันได้สำเร็จ และจะพัฒนาตัวเองต่อไป”

มุก-วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์
มุก-วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์

ขณะที่ มุก-วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์ สารภาพจากใจว่าเพราะ “พี่ชาย” ทำให้ชอบการเป็นนักร้อง

“มุกเรียนร้องเพลงตอนอายุ 12 ค่ะ คือเรียนเฉยๆ เหมือนคลายเครียดจากวิชาการที่โรงเรียน เรียนไปเรียนมาก็รู้สึกชอบ”

แต่ที่ทำให้ว่า “อยากเป็นนักร้องจริงๆ ” คือ “พี่เมฆ (จิรกิตติ์ ถาวรวงศ์) พี่ชายของมุก เขาอยากเป็นนักร้อง

เดินสายประกวดที่นั่นที่นี่ ก็เลยอยากเป็นนักร้องเหมือนเขา แต่เรากลัวการประกวด กลัวการคอมเมนต์ที่รุนแรง เลยเลือกคัฟเวอร์เพลงลงยูทูบ

และนั่นก็คือเส้นทางที่ทำให้คนรู้จักมากขึ้น และทำให้เราได้มาเป็นนักร้องเหมือนทุกวันนี้”

ตั้ม เดอะสตาร์ 9
ตั้ม เดอะสตาร์ 9

ส่วน ตั้ม เดอะสตาร์ 9-วราวุธ โพธิ์ยิ้ม บอกตามตรงเลยว่า แรงบันดาลใจของการมาเป็นนักร้องของเขา คือการดูรายการ “เดอะสตาร์”

“ชอบดูถึงขั้นที่ว่า แต่ละวีกเขาทำอะไร รู้หมด อย่างวีกนี้โจทย์คืออะไร เราก็มานั่งคิดเพลงตามโจทย์ที่เขาให้ แล้วไปร้องในห้องน้ำ”

หากก็ไม่คิดจะเข้าประกวด กระทั่งแม่บอกว่า แม่อยากไปนั่งที่เดียวกับแม่พี่แก้ม อยากไปนั่งข้างหน้าเวที อยากไปเชียร์ ไปปรบมือ อยากไปฟังลูกร้องเพลง

นั่นละ เขาจึงสมัคร

แล้วก็ได้เป็นเดอะสตาร์คนที่ 9 ของเมืองไทย

ซึ่งในความรู้สึกของเขานั้น ทั้งหมด “มันเกินฝันไปแล้ว เกินมาก ไม่คิดว่าจะได้มาเดินพรมแดง ได้มาเป็นนักแสดงด้วย ได้โอกาสที่ดีมาก”

เพราะฉะนั้น “ทุกวันนี้จะทำทุกโอกาสให้มันสนุก ทำทุกโอกาสที่ได้รับให้ดี และมีความสุขกับสิ่งที่ทำ”

แม้ที่มาของความชอบจะต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือทุกคนจะทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุด