ธนาธร ลั่น อนค.ยึดมั่นทำตามสัญญาให้กับปชช. พร้อมเจรจาทุกพรรค สู้สืบทอดอำนาจ

“ธนาธร” ลั่น อนค.พร้อมทำหน้าที่ส.ส.เต็มที่ ยันเดินหน้าเปลี่ยนแปลงการเมืองไทย ไม่นำเงินภาษีของประชาชนมาทำเพื่อตัวเอง มั่นใจหุ้น 13 บริษัทไร้ปัญหา

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค และน.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ เดินทางมารับหนังสือรับรอง ส.ส.  โดยนายธนาธร กล่าวว่า ตนขอสัญญากับประชาชน ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ทุกคนจะทำหน้าที่อันทรงเกียรตินี้อย่างเต็มความสามารถ และให้สัญญาว่า ส.ส.ทั้ง 80 คนจะไม่นำเงินภาษีของประชาชนเพื่อประโยชน์ส่วนตน ไม่มีการคอร์รัปชั่น จะไม่โอ้อวดและไม่ใช้อำนาจที่ได้มาจากประชาชนทำให้ประเทศชาติเสียหาย  รวมทั้งจะทำการเมืองที่ดีสร้างสรรค์เปลี่ยนแปลงประเทศไทย ตนและแกนนำพรรคอนาคตใหม่มีความเชื่อมั่นว่า ส.ส.ของพรรคทุกคน ยึดมั่นในอุดมการณ์ เราสร้างพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ หรือผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ทำเพื่อความฝันและอุดมการณ์เดียวกันที่อยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยมากกว่านี้  ดังนั้น เชื่อว่าด้วยความหนักแน่นทางอุดมการณ์ของพรรคจะไม่มี ส.ส.คนใดที่ไปยกมือสนับสนุนให้กับเผด็จการสืบทอดอำนาจ แต่ยืนยันว่าไม่มีการให้ ส.ส.เซ็นใบลาออกล่วงหน้าแต่อย่างใด

เมื่อถามว่า พรรคอนาคตใหม่ยังยืนยันที่จะจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า การลงนามร่วมกันหลังการเลือกตั้งนั้นเป็นการสร้างแนวร่วมต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.ส่วนการที่จะร่วมรัฐบาลกับใครยังอยู่ในขั้นตอนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ ยังไม่มีข้อสรุป และการที่สังคมปักใจเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)จะจัดตั้งรัฐบาลได้นั้นก็เป็นเรื่องที่เกินไป เพราะพรรคพปชร. และพรรคที่เสนอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ เพียง 121 เสียงเท่านั้น ถ้าต้องการให้มีเสียงเกิน 250 เสียง พรรค พปชร. จะต้องรวมเสียงกับพรรคที่เหลือทั้งหมด นอกจาก 7 พรรคการเมืองที่ร่วมลงสัตยาบันต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช. ซึ่งจะทำให้มีพรรคร่วมรัฐบาล 20 พรรค ซึ่งการเจรจาต่อรองกับ 20 พรรคการเมืองไม่ได้เป็นเรื่องที่ง่าย ดังนั้น ขอให้รอดูอีกสักพักเพราะทางพรรคอนาคตใหม่กำลังพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะยุติการสืบทอดอำนาจของคสช.  อย่างที่เคยประกาศเอาไว้ให้เป็นจริงให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ตนไม่เคยยืนยันว่าจะเสนอชื่อตนเองเป็นนายกฯ

เมื่อถามต่อว่า จะมีขั้วการเมืองใหม่เกิดขึ้นหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ตนพูดอะไรไม่ได้มากจะต้องเคารพกับคนที่เรากำลังเจรจาด้วย การจะบอกว่าพูดคุยอะไรกับใครเอาไว้บ้างต่อสาธารณะในตอนนี้จะเป็นการไม่ให้เกียรติผู้ที่เจรจา ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทยนั้น เรื่องดังกล่าวขอให้เป็นการพูดคุยของพรรคการเมือง ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ และไม่ขอตอบว่ามีการประสานหรือมีการพูดคุยไปแล้วหรือไม่ แต่เรายังเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวมีความเป็นไปได้ ในการยุติการสืบทอดอำนาจของคสช.ซึ่งเราพยายามทำตรงนี้ให้ได้โดยลดอัตตา ลดผลประโยชน์ส่วนตัว ลดเรื่องหน้าตาลงให้มากที่สุด เพื่อนำประเทศไทยออกจากปัญหาความขัดแย้ง เอาทหารกลับกรมกอง สร้างสังคมประชาธิปไตยกลับมาใหม่ในประเทศไทย และจะมีความชัดเจนในการก่อนการประชุมสภานัดแรกแน่นอน

“พรรคการเมืองที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งมีเพียง 3 พรรค มีเสียงในสภารวมกัน 121 คน หากรวมกับเสียง ส.ว.แล้วยังได้ไม่ถึงครึ่งนึงของรัฐสภา 750 เสียง ผมอยากจะเรียกร้องให้พวกเราร่วมกันตรวจสอบว่าพรรคไหนหาเสียงเรื่องจุดยืนทางการเมืองไว้อย่างไร ถึงเวลาแล้วที่คนที่มาจากการเลือกของประชาชน จะยืนอยู่ฝั่งเดียวกับประชาชน ยืนอยู่อย่างตั้งมั่นในสิ่งที่หาเสียงกับประชาชน เราสามารถหยุดยั้งกลไก ส.ว.ได้ เพราะ 378 เสียง ของส.ส.ย่อมเกินกึ่งหนึ่งของของรัฐสภา ส่วนใน 378 เสียงใครจะเป็นรัฐบาล ใครจะเป็นฝ่ายค้านก็ว่ากันไป แต่พวกเราสามารถหยุดยั้งการใช้อำนาจของส.ว.ที่ไม่ได้มาจากประชาชนที่จะมาบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนได้ ยืนยันว่า สังคมไทยยังมีทางออก แต่เราจะเดินไปสู่ทางตันก็ต่อเมื่อเสียงของประชาชนไม่ได้รับการเคารพ และถูกบิดเบือนไป ” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือให้กกต.ขอให้ตรวจการถือครองหุ้นของตนทั้งหมด 13 บริษัทนั้น นายธนาธร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนไม่มีความกังวลใจใดๆ เพราะเรารู้ตั้งแต่แรกว่าคุณสมบัติของการเป็นผู้สมัคร ส.ส.ต้องมีอะไรบ้าง และเราพยายามที่จะต้องทำตามกฎหมายให้ได้มากที่สุด ดังนั้น หุ้นต่างๆ ที่มีการร้องเรียนมีการขายออกเพื่อทำให้มีคุณสมบัติตามกฎหมายที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว และพร้อมที่จะชี้แจงหลักฐานทั้งหมด

ด้านนายปิยบุตร กล่าวว่า ยืนยันว่ามีการทาบทามติดต่อตามข่าวจริงซึ่งมี ส.ส.หลายท่านมาบอก และหากมีการทาบทามต่อเนื่องและมีความพยายามที่จะใช้วิธีดึง ส.ส.จากพรรคอื่น เราอาจจะนำหลักฐานการทาบทามมาเปิดเผยให้เห็น แต่ยืนยันว่า ส.ส.ที่ถูกทาบทามทุกคน จะไม่ไปแน่นอน

นายปิยบุตร ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่เรากำลังพูดคุยกันอยู่ เรากำลังพุ่งตรงไปที่การหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคสช. ไม่ได้พูดกันถึงการจัดตั้งรัฐบาล หรือฝ่ายค้านเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดหากทุกพรรคการเมืองที่เคยได้หาเสียงเอาไว้ว่าไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของคสช. วันนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะพิสูจน์สิ่งที่หาเสียงไว้กับประชาชน ซึ่งทางพรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าพร้อมที่จะพูดคุยกับทุกพรรคที่ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช.เพื่อมาตัดสินใจร่วมกันในการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.โดยใช้สูตรการปิดสวิตช์ ส.ว. ร่วมกันนำทหารออกจากการเมืองไทย

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า กรณีการตรวจสอบเรื่องหุ้นของนายธนาธรนั้น สามารถตรวจว่านักการเมืองถือเป็นบุคคลสาธารณะ แต่เมื่อตรวจสอบแล้ว ไม่พบความผิดก็ขอแสดงความรับผิดชอบกับความผิดพลาดนั้นด้วย รวมทั้งสำนักข่าวที่ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวขอให้อย่าเสียเวลาเจาะข่าว เพราะหากอยากดูข้อมูลทางพรรคก็สามารถนำข้อมูลมาเปิดเผยได้  จึงอย่าเสียเวลาตรวจสอบ ควรตรวจสอบเรื่องที่สำคัญ เช่น ตรวจสอบว่า ส.ว. 250 คน เป็นใครมาจากไหนบ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจากนายธนาธร นายปิยบุตร และน.ส.พรรณิการ์ ได้เข้ารับหนังสือรับรอง ส.ส.จาก กกต.แล้ว และสื่อมวลชนขอให้ชูหนังสือรับรองเพื่อบันทึกภาพ แต่ทั้ง  3 คนได้ปฏิเสธ โดยนายธนาธร ระบุว่ากระบวนการดังกล่าวเป็นการทำให้ครบถ้วนตามกฎหมายเท่านั้น แต่ความศักดิ์สิทธิ์ของการเป็น ส.ส.เกิดขึ้นตั้งแต่ประชาชนเลือกตั้งเข้ามา ไม่ใช่เกิดจากการรับรองของ กกต. จึงไม่ขอแสดงเอกสารดังกล่าว

มติชนออนไลน์