‘เสรี’ ยกหลัก กม. ยันขาดคุณสมบัติสมัคร ส.ส. คือโกง ลต. ถ้าเป็น หน.พรรค โทษถึงยุบพรรค

เมื่อวันที่ 24 เมษายน นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตประธาน กมธ.ด้านการเมือง สปท. โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กแสดงความเห็น กรณีปัญหาข้อกฎหมายที่กำลังเป็นที่ถกเถียง ในการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา การขาดคุณสมบัติสมัครลงเลือกตั้งส.ส. โดยระบุว่า

คำว่า “การเลือกตั้งที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม” มีความหมายเพียงใด ?

ซึ่งเทียบเคียงกับ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 54 วรรคสองได้บัญญัติว่า “หากผู้สมัครรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแล้วปกปิดหรือไม่แจ้งข้อเท็จจริงนั้น ให้ถือว่าการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม”

ดังนั้น ตาม พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 132 วรรคแรกได้บัญญัติว่า “ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง หาก กกต.เห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครผู้ใดกระทำการอันเป็นเหตุให้การเลือกตั้งนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม (หมายถึงการปกปิดหรือไม่แจ้งข้อเท็จจริงเรื่องคุณลักษณะต้องห้ามตาม รธน.มาตรา 98 ประกอบ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 42) เช่นนี้ กกต.มีอำนาจสั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครได้ที่กระทำการดังกล่าวไว้เป็นการขั่วคราวเป็นระยะเวลาไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ กกต.มีคำสั่ง….”

ขณะนี้มีผู้สมัคร ส.ส.หลายคน ที่มีทีท่าว่าจะมีคุณลักษณะต้องห้ามสมัคร ส.ส.ดังกล่าว

ซึ่งผู้สมัครที่กระทำการข้างต้นหากเป็นการกระทำของหัวหน้าพรรคหรือคณะกรรมการบริหารพรรคด้วยแล้วให้ กกต.เสนอศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ยุบพรรคนั้นได้ด้วย ตาม มาตรา 132 วรรคสาม และให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นด้วย และยังอาจถูกดำเนินคดีอาญาตามวรรค 5 อีกด้วย

ดังนั้น ที่มาออกตัวกันว่า “การขาดคุณลักษณะต้องห้ามสมัคร ส.ส.ไม่ใช่เป็นเรื่องทุจริตเลือกตั้ง” นั้น ไม่จริงหรอก เพราะคนที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามแล้วไปสมัคร ส.ส.ไม่ว่าข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายล้วนเป็นการกระทำที่ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรมทั้งสิ้น

และ กกต.ยังมีอำนาจหน้าที่ในการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น ตามมาตรา 138 อีกด้วย

มติชนออนไลน์