บทวิเคราะห์ : เมื่อ “อิรัก-เคิร์ด” กลับเป็นผู้ก่อเหตุทรมานเด็กร่วมไอเอส

ที่มาภาพ : Hrw.org

เรื่องราวของความโหดร้ายอันเกิดจากสงคราม มีให้เราได้เห็นกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะกับเด็กๆ ที่ต้องตกเป็นเหยื่อของสงครามเรื่อยมา

เช่นเดียวกับเรื่องราวของเด็กๆ ชาวอิรัก ที่ต้องอยู่ท่ามกลางบ้านเมืองที่มีแต่อันตราย และความโหดร้าย จนทำให้ตัวเองต้องผันตัวไปเข้าร่วมกับกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส

กลุ่มฮิวแมนไรท์วอทช์ องค์กรด้านสิทธิมนุษย์ ได้ออกมาเปิดเผยรายงานเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีเด็กชาวอิรักมากถึงราว 1,500 คน ที่ถูกรัฐบาลกลางของอิรักและองค์กรปกครองเขตเคอร์ดิสถานของชาวเคิร์ด จับกุมตัวไว้ ในข้อหามีส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่มไอเอส และส่วนใหญ่ถูกจับโดยไร้เหตุผล

ที่สำคัญคือ เด็กเหล่านี้ต้องถูกทรมานเพื่อให้ยอมรับสารภาพด้วย

 

ก่อนหน้านี้ องค์กรปกครองเขตเคอร์ดิสถานเองได้ออกมา “ปฏิเสธ” รายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ ที่กล่าวหาว่ามีเด็กถูกทรมานเพื่อให้รับสารภาพว่าเชื่อมโยงกับกลุ่มไอเอส

โดยเมื่อเดือนมกราคม เจ้าหน้าที่คนหนึ่งขององค์กรปกครองเขตเคอร์ดิสถานบอกว่า นโยบายของเคิร์ดคือการ “ฟื้นฟู” เด็กๆ เหล่านี้ และการทรมานถือเป็นเรื่องต้องห้าม พร้อมกับยืนยันว่า เด็กๆ ที่ถูกจับเป็นนักโทษจะต้องได้รับสิทธิเหมือนกับนักโทษคนอื่นๆ

สำหรับรายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ที่มีความยาวถึง 53 หน้า ระบุว่า เมื่อช่วงสิ้นปี 2018 ทางการของอิรักและเคิร์ดได้จับกุมตัวเด็กเอาไว้ราว 1,500 คน

โดยข้อมูลจากรัฐบาลอิรักระบุว่า เด็กเหล่านี้ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวโยงกับกลุ่มไอเอส

ในจำนวนนี้มีเด็กชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วยอย่างน้อย 185 คน ที่ถูกตัดสินในข้อหาก่อการร้ายและถูกตัดสินโทษจำคุก

ข้อกล่าวหาของกลุ่มฮิวแมนไรท์วอทช์ คือ อิรักและเคิร์ดมักจะจับกุมตัวเด็กและดำเนินคดีกับเด็กที่คิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับไอเอส และใช้การ “ทรมาน” เพื่อบีบบังคับให้เด็กยอมรับ ในขณะที่การตัดสินผู้ต้องสงสัยจะเป็นไปอย่างเร่งด่วนและไม่มีความยุติธรรม

 

โจ เบ็กเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนสิทธิเด็กของฮิวแมนไรท์วอทช์บอกว่า การกวาดล้างและการลงโทษเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของกระบวนการยุติธรรม และจะกลายเป็นการสร้างผลลัพธ์ด้านลบที่อยู่ในใจของเด็กไปตลอดชีวิต

ทั้งนี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ฮิวแมนไรท์วอทช์ได้สัมภาษณ์เด็ก 29 คน ข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับไอเอส และในจำนวนนี้มี 19 คนที่ถูกทรมาน ซึ่งรวมทั้งการถูกทุบตีด้วยท่อพลาสติก สายไฟหรือแท่งเหล็ก

รายงานระบุว่า เด็กชายวัย 17 ปีคนหนึ่งที่ถูกกองกำลังฝ่ายความมั่นคงของอิรักควบคุมตัวไว้เมื่อปี 2017 บอกกับเจ้าหน้าที่ของฮิวแมนไรท์วอทช์ว่า เขาถูกทุบตีที่เท้า และยังถูกจับขึงเป็นเวลา 10 นาทีในแต่ละครั้งที่ถูกสอบปากคำ อีกทั้งยังถูกบังคับให้ยอมรับว่าร่วมกับกลุ่มไอเอส ซึ่งเด็กชายคนนี้บอกว่า เขาถูกทรมานแบบนี้อยู่นานถึง 3 วัน

และหลังจากการทรมานเสร็จสิ้น เด็กชายคนนี้ก็ถูกย้ายไปอยู่ที่เรือนจำแห่งหนึ่งที่สนามบินในกรุงแบกแดด เมืองหลวงของอิรัก และต้องโทษจำคุกอยู่ที่นี่อีกนานถึง 7 เดือนครึ่ง ณ ที่เรือนจำแห่งนี้ เขาก็ยังถูกทรมานอยู่ทุกวัน และไม่ใช่เขาคนเดียว เด็กทุกคนที่นี่ต้องถูกทรมานทั้งสิ้น

เด็กอีกคนหนึ่งที่อายุ 14 ปี บอกว่า เขาถูกทรมานเพื่อให้ยอมรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ที่มาจากกองกำลังตำรวจเคอร์ดิช อาซายิส ขององค์กรปกครองเขตเคอร์ดิสถาน เมื่อปี 2017 เพื่อให้ยอมรับสารภาพว่าร่วมกับกลุ่มไอเอส และถูกทุบตีทั่วทั้งร่างกายด้วยท่อพลาสติก

“สิ่งแรกคือ เขาบอกว่า ผมต้องบอกว่าผมอยู่กับไอเอส ผมก็เลยตกลง หลังจากนั้นพวกเขาก็บอกกับผมว่า ผมต้องบอกว่า ผมทำงานเพื่อไอเอสเป็นเวลา 3 เดือน แต่ผมบอกกับพวกเขาว่า ผมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของไอเอส แต่พวกเขากลับบอกผมว่า ผมต้องพูดตามแบบที่เขาบอก”

เด็กชายวัย 14 ปีกล่าว

 

รายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ชี้ให้เห็นว่า ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ส่วนใหญ่ระบุว่า เหตุที่เด็กๆ เข้าร่วมกับกลุ่มไอเอส เนื่องจากปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ หรือไม่ก็ถูกครอบครัวกดดัน ขณะที่บางคนบอกว่า ที่บ้านมีปัญหา หรือไม่ก็ต้องการที่จะยกระดับตัวเองในสังคมให้สูงขึ้น

โดยฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุด้วยว่า จากการพูดคุยกับเด็กๆ ชาวอิรักที่ได้รับการปล่อยตัว ต่างหวาดกลัวว่าจะถูกส่งตัวกลับไปยังบ้าน เนื่องจากเคยเป็นสมาชิกไอเอสมาแล้ว อาจจะถูกแก้แค้นได้ ซึ่งฮิวแมนไรท์วอทช์มองว่า กฎหมายระหว่างประเทศเองนั้นมองว่าเด็กที่ถูกเกณฑ์เข้าร่วมกับกลุ่มติดอาวุธทั้งหลายนั้นคือ “เหยื่อ” ดังนั้น จึงควรได้รับการฟื้นฟูและรักษาเพื่อการกลับเข้าสังคมได้อีกครั้ง

และขอเรียกร้องให้รัฐบาลกลางอิรักและองค์กรปกครองเขตเคอร์ดิสถาน ปรับเปลี่ยนแก้ไขกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย เพื่อยุติการควบคุมตัวเด็กๆ ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ