”บิ๊กป้อม”นั่งหัวโต๊ะคปต. เร่งงานค้างก่อนจบรบ. รับผู้ก่อความไม่สงบ ลามออกนอกสามจังหวัด

”บิ๊กป้อม”นั่งหัวโต๊ะประชุมคปต. เร่งงานค้างก่อนจบรบ. รับผู้ก่อความไม่สงบ ลามออกนอกสามจังหวัดเกินควบคุม จนท.ต้องทำงานหนักหาจุดเชื่อมโยงเครือข่ายก่อความไม่สงบนอกพื้นที่

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ (คปต.) ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ว่า ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าของหน่วยงานทั้งด้านความมั่นคง ด้านการพัฒนา และหน่วยงานของผู้แทนพิเศษ โดยเป็นการรายงานผลการขับเคลื่อนต่างๆ เช่น การส่งเสริมการพัฒนาโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยในพื้นที่ นอกจากนี้คปต.ยังได้พิจารณาการจัดหากำลังพลตระเวนชายแดนที่สนับสนุนการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดระเบียบชายแดน เพื่อบูรณาการณ์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้กรอบการทำงานในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้พล.อ.ประวิตรได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายมุ่งมั่นขับเคลื่อนงานให้บรรลุเป้าหมาย นำสังคมพหุวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันให้กลับคืนมา พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลในพื้นที่และสนับสนุนการเลือกตั้งส.ส.ให้ดำเนินการไปด้ยความเรียบร้อยและประสบผลสำเร็จ

ด้านนายปณิธาน วัฒนยากร ที่ปรึกษาพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่ประชุม ศปต.วันนี้รับทราบเรื่องการจัดงบประมาณในปีหน้าซึ่งคืบหน้าไปได้ดี มีการทยอยนำเงินลงไปพัฒนาในพื้นที่เกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณทั้งหมด ทำให้งบประมาณความมั่นคงลดลงตามลำดับ นอกจากนี้ยังได้เพิ่มอัตราเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 5,000 นาย เพื่อให้ชุมชนเข้มแข็งด้านโครงสร้างในระยะยาว และยังลงทุนในเรื่องของการจัดระเบียบชายแดน ทั้งการจัดรั้วอิเล็กทรอนิกส์ การจัดเส้นทางเข้าออกประเทศเพื่อนบ้านที่มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่องและดำเนินการไปแล้วบางส่วน ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร เป็นห่วงงานหลายเรื่องที่ยังค้างอยู่ในรัฐบาลชุดนี้ เช่น การผลักดันให้ใช้ถังแก๊สคอมโพสิต ที่ดำเนินการไปได้แค่ 40 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ การควบคุมการใช้โทรศัพท์การลงทะเบียนซิมการ์ด ซึ่งต้องประสานกับหน่วยงานด้านการสื่อสารในพื้นที่ภาคใต้ แต่ในภาพรวม คปต. ถือว่าทำงานในรัฐบาลนี้ได้ดีในเรื่องการวางโครงสร้างระยะยาว

นายปณิธาน กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาในเชิงพื้นที่ระยะสั้นรองนายกฯจะลงไปดูในพื้นที่เพื่อจะได้รับทราบว่ามีข้อจำกัดอะไร โดยเฉพาะในพื้นที่รอยต่อสามจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งวัยรุ่นจะกระจายตัวไปในจังหวัดใหม่ๆมากขึ้นเพื่อจัดระเบียบความมั่นคง และเป็นหน้าที่หลักของตำรวจในพื้นที่ด้วย โดยวัยรุ่นส่วนใหญ่กระจายออกไปเรียนและไปทำงาน เราสามารถจับความเคลื่อนไหวของเขาได้มากขึ้น แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุที่เราเห็นภาพจากกล้องซีซีทีวีน่าจะมาจากสามจังหวัดชายแดนและมีเครือข่ายรองรับอยู่ การที่ใครจะเคลื่อนไหวไปไหนเป็นเสรีภาพของเขา สามารถขี่จักรยานข้ามจังหวัดได้ แต่ว่าตำรวจต้องเฝ้าระวังเครือข่ายในจังหวัดนั้นๆ การที่จะวางระเบิดได้จะต้องมีเซฟเฮ้าท์ มีกลุ่มในท้องถิ่นเพื่อช่วยชี้เป้า เจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนักขึ้น ต้องมองว่าคนเหล่านี้อาจจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงแต่อาจเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายหรือไม่ นอกจากนี้รองนายกฯยังได้กำชับทุกจังหวัดดูแลความปลอดภัยของประชาชนในการเข้าไปสู่การเลือกตั้ง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องลงไปดูในพื้นที่เป็นปกติ พร้อมกำชับไม่ให้ประมาท

 

มติชนออนไลน์