“พิชัย” ยันหาก “ทษช.” นั่งรัฐบาล ดีเซลลดลง ลิตรละ 5 บาท เบนซิน 3 บาท ทำได้!

วันที่ 5 มีนาคม 2562 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ตามที่ได้ประกาศลดราคาน้ำมันในเวทีหาเสียงของพรรค ทษช ที่ลานคนเมือง กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมานี้ ขอยืนยันว่าสามารถทำได้จริง และจะทำทันทีหากพรรค ทษช ได้เป็นรัฐบาล โดยเชื่อว่าจะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ทันที อีกทั้ง น้ำมันดีเซลยังเป็นต้นทุนของการขนส่งสินค้าของไทยที่ใช้รถบรรทุกเป็นหลัก การลดราคาน้ำมันดีเซลจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้า ช่วยทำให้ราคาสินค้าถูกลง และ ช่วยทำให้ต้นทุนสินค้าส่งออกลดลงด้วยจากที่การส่งออกติดลบหนักในเดือนมกราคม ทั้งนี้เพราะในสมัยที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีพลังงานราคาน้ำมันดิบตลาดโลกอยู่ที่ 100 กว่า เหรียญสหรัฐ ขณะที่ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 50-60 เหรียญสหรัฐเท่านั้น แต่ราคาจำหน่ายน้ำมันดีเซลกลับอยู่ในระดับใกล้กัน ทั้งนี้เพราะมีการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลในปัจจุบันสูงถึง 5.92 บาทต่อลิตร ในขณะที่สมัยรัฐบาลก่อนการปฏิวัติเก็บเพียงลิตรละ 0.005 บาท หรือ แทบไม่ได้เก็บเลย

“ดังนั้น การลดราคาน้ำมันดีเซลโดยลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันจึงสามารถทำได้ อีกทั้งยังสามารถลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น โดยยกเลิกค่าขนส่งจากสิงคโปร์มาไทยที่เป็นการเอาเปรียบประชาชนทั้งที่ปัจจุบันไทยส่งนำ้มันที่กลั่นแล้วไปขายสิงคโปร์และประเทศเพื่อนบ้านในราคาที่ถูกกว่าราคาหน้าโรงกลั่นที่คนไทยรับภาระกัน อีกทั้ง ค่าการตลาดที่สูงเกินจริง ซึ่งเมื่อลดส่วนต่างๆที่บอกมาแล้ว รวมถึงภาษีมูลค่าที่จะลดลงด้วย จะทำให้ลดราคาน้ำมันดีเซลได้ 5 บาทอย่างแน่นอน และ รัฐบาลยังมีรายได้จากภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลบางส่วนอยู่ นอกจากนี้การลดเบนซินแก๊สโซฮอล 3 บาท ก็สามารถทำได้ในลักษณะเดียวกัน แต่จะลดบางส่วนจากการลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน และลดราคาเอทานอลที่ผสมในแก๊สโซฮอลให้เท่ากับราคาเอทานอลในตลาดโลก ซึ่งเมื่อรวมกับการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันแก๊สโซฮอลเพียงบางส่วน ก็จะสามารถลดได้ 3 บาท ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนได้อย่างมาก” นายพิชัย กล่าว

นายพิชัยกล่าวอีกว่า รัฐบาลหลังการเลือกตั้งสามารถทำได้ทันทีภายใน 1 เดือนหลังตั้งรัฐบาล โดยการลดราคาน้ำมันจะปรับลดในชนิดนำ้มันที่ประชาชนใช้เป็นหลัก ส่วนน้ำมันประเภทอื่นที่อาจจะมีการสนับสนุนราคาอยู่ก็จะพิจารณาปรับตามควร ทั้งนี้หวังว่ารัฐบาลจะไม่ตัดหน้าเร่งลดราคาน้ำมันเสียก่อน เพราะที่ผ่านมา พอพรรคการเมืองเสนออะไร รัฐบาลที่ควรจะเป็นรัฐบาลรักษาการที่ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ แต่นี่กลับทำตรงข้ามและมักจะเอาเปรียบทำตัดหน้า เช่น พอมีการเสนอขึ้นค่าจ้างแรงงาน รัฐบาลก็เร่งขึ้นค่าจ้างแรงงาน และ พอเสนอให้ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 50 % ใน 10 ปี รัฐบาล ก็ให้กรมสรรพสามิตลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้าเหลือ 0% เป็นต้น ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมานี้ รัฐบาลเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นมาตลอด โดยไม่ได้นำเงินภาษีที่เก็บได้ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนจึงลำบากกันอย่างมาก การลดราคาน้ำมันจะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมาก และจะเป็นการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันให้ถูกต้องโดยยกเลิกเรื่องที่มีการเอาเปรียบประชาชนด้วย