รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ/AI กำลังเป็นทุกอย่างบนโลก วิถีชีวิตที่หนีไม่พ้นปัญญาประดิษฐ์

รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ

https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/

AI กำลังเป็นทุกอย่างบนโลก

วิถีชีวิตที่หนีไม่พ้นปัญญาประดิษฐ์

 

การประชุมประจำปีด้านเทคโนโลยีระดับนานาชาติแต่ละครั้งสะท้อนการเดินหน้าจริงจังกับการพัฒนาและให้บริการด้าน AI

ภายในปี 2025 มูลค่าของตลาด AI จะสูงถึง 3.8 แสนล้านเหรียญ

โดยกว่า 90% มาจากตลาดองค์กร และปัจจัยสำคัญที่ทำให้ AI ประสบความสำเร็จคือการนำไปใช้งานในฝั่งองค์กรและอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเป้าหมายในระยะยาวคือต้องนำปัญญาประดิษฐ์ AI ไปหาทุกคน ทุกองค์กรและบ้านทุกหลัง

รวมถึงพัฒนาโซลูชั่น AI ให้ครอบคลุมและครบเครื่องที่สุด

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มีพัฒนาการรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว

โซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ในโลกอัจฉริยะ นวัตกรรมที่ครอบคลุมเป็นสิ่งที่จำเป็น

ในขณะเดียวกัน พลังของการประมวลผลก็จะสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ด้วยโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่พร้อมรองรับทุกสถานการณ์ ความสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจและสร้างมูลค่าทางธุรกิจให้สูงขึ้น

 

ด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและสมาร์ตดีไวซ์ด้วยโซลูชั่นที่ผสมผสานในสี่กลุ่มหลักคือ เครือข่ายโทรคมนาคม, ไอที, สมาร์ตดีไวซ์ และบริการคลาวด์ บริษัทต่างๆ มีความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาสู่การใช้งานทุกระดับเพื่อทุกผู้คน ทุกครัวเรือน และทุกองค์กร

ในการขับเคลื่อนโลกอัจฉริยะที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างเต็มรูปแบบ ผลิตภัณฑ์ โซลูชั่นและบริการที่ครบวงจรที่เปี่ยมด้วยศักยภาพด้านการแข่งขัน ช่วยให้การใช้ชีวิตที่บ้านมีความสะดวกสบาย และสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดนวัตกรรมในองค์กรทุกรูปแบบและทุกขนาด นวัตกรรมเน้นตอบสนองตามความต้องการของลูกค้า ด้วยการทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาลในด้านการวิจัย เน้นค้นหานวัตกรรมด้านเทคนิคใหม่ๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนโลกของเราให้ก้าวไปข้างหน้า

การหลอมรวมเทคโนโลยีหลายๆ อย่าง เพื่อบูรณาการโลกทางกายภาพและโลกดิจิตอลเข้าด้วยกัน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยขับเคลื่อนแพลตฟอร์มธุรกิจ แพลตฟอร์มไอซีที เพื่อให้บริษัทคู่ค้าสามารถผนวกรวมแอพพลิเคชั่นเฉพาะอุตสาหกรรมเข้าไปในแพลตฟอร์มได้ การพัฒนาคุณสมบัติใหม่ๆ เช่น AI, IoT, บิ๊กดาต้า, ความปลอดภัย, ICP, วิดีโอ และแพลตฟอร์มขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่ผสมผสานภาคส่วนเหล่านี้เข้าไว้ด้วยกัน

 

เมื่อปีที่ผ่านมามีการจัดงานที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งก็เป็นงานรวมเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย มีการประชุมสัมมนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องของเทคโนโลยี งานนี้เราได้เห็นว่าแต่ละอย่างที่เราคิดว่าจะเป็นเรื่องไกลตัวเป็นเรื่องของอนาคตเราก็สามารถสัมผัสได้ในงานนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของ AI หรือว่าปัญญาประดิษฐ์ จะไม่ไกลตัวเราอีกต่อไป และในงานก็เน้น AI มากๆ และ AI จะเข้ามาอยู่ในทุกๆ อุตสาหกรรมในไม่ช้า

เมืองเซี่ยงไฮ้ประเทศจีนเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกศูนย์กลางทางอุตสาหกรรมและเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน

การโชว์เทคโนโลยีระดับโลก ที่นอกจากนำแสดงเทคโนโลยีทันสมัยมากมายแลัวยังมีงานสัมมนาการประชุมต่างๆ ระดับนานาชาติ

การประชุมประจำปีด้านเทคโนโลยี ซึ่งได้จัดเป็นประทุกปี นับว่าเป็นงานใหญ่มากๆ มีผู้ร่วมงานจากทั่วโลก

และในงานเป็นการนำเทคโนโลยี facial recognition หรือเทคโนโลยีการรู้จำใบหน้า การสแกนใบหน้ามาใช้ในหลายๆ อุตสาหกรรม เริ่มตั้งแต่เข้างาน คือแบบสแกนหน้า พอมาลงทะเบียนแล้วจะทำการถ่ายภาพเอาไว้ เหมาะกับการควบคุมการผ่านเข้ออกที่ต้องการความเร็วและสะดวกสบายเวลาที่พนักงานเดินมาเพื่อที่จะเข้าตึกใช้ใบหน้าสแกนก็สามารถเดินผ่านไปได้เลย

 

การจัดงานนี้มาภายใต้คอนเซ็ปต์ Activate Intelligence ตัวย่อของ Activate Intelligence คือ AI ที่ไปเหมือนกับคำว่า Artificial Intelligence (AI)  หรือปัญญาประดิษฐ์นั่นเอง

Activate Intelligence หมายถึง ผู้ที่กระตุ้นให้เกิดความอัจฉริยะ AI กำลังมาแล้วอยู่รอบๆ ตัวเรา ต่อไปเรื่อยๆ ภายในงานโดยรอบมีการนำเทคโนโลยี AI ในอุตสาหกรรมด้านต่างๆ มาจัดแสดงไว้แต่ละด้านของงานก็คือมีการนำ AI เข้าไปใช้ในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมาร์ตซิตี้ เรื่องของไฟแนนซ์ การเงินการธนาคาร เรื่องของ Retail Store ร้านค้าปลีก เรื่องการเดินทาง รถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน มี Smart Campus เรื่องของการศึกษา Smart Education

ในด้านเทคโนโลยีสำหรับรถไฟเป็นโซลูชั่นที่เขาใช้กล้อง CCTV จำนวนมากติดตั้งไว้ในจุดต่างๆ ที่สำคัญๆ แล้วเจ้ากล้องก็จะส่งภาพไปเพื่อทำการวิเคราะห์ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ ระบบจะทำการแจ้งเตือนให้ไปทำการตรวจสอบทันที ซึ่งระบบนี้ได้ทำการใช้กันมาเป็นเวลายาวนานแล้ว เพื่อประหยัดเวลาและแรงงาน

นอกจากนี้ ในระบบขนส่งสาธารณะเราก็สามารถนำ AI มาใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นรถประจำทางหรือว่ารถแท็กซี่ อย่างเช่นคอยตรวจดูว่าคนขับมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือเปล่า อาจง่วง หรือคุยโทรศัพท์ระหว่างขับรถ ตรวจสอบความเร็วในการขับรถได้อัตโนมัติ เป็นต้น

 

สําหรับร้านค้าอัจฉริยะ AI ลูกค้าที่เข้ามาที่ร้านแล้วก็จะซื้อของ วิธีง่ายๆ ก็แค่เอามือถือมาสแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อที่จะปลดล็อกตู้ แล้วเปิดประตูออกมา ก็หยิบได้เลย เราอยากจะหยิบสิ่งของชิ้นไหนก็หยิบไป ในการหยิบของแต่ละชนิดจะมีกล้องที่ตรวจจับอยู่แล้วเมื่อหยิบไปปุ๊บก็จะรู้ทันทีและคำนวณเงินออกมาให้เรียบร้อยโชว์อยู่บนมือถือของเรานั่นเอง

อีกรูปแบบหนึ่ง Supermarket ทั่วๆ ไปก็อาจจะเอารูปแบบนี้มาใช้ในอนาคตก็ได้ ก็เปรียบเสมือนเราเป็นแคชเชียร์ แต่ว่าไม่ต้องมีแคชเชียร์ ลูกค้าจะเป็นแคชเชียร์เอง ด้วยการหยิบของที่เราต้องการซื้อมาวางบนโต๊ะแคชเชียร์ เครื่องระบบจะวิเคราะห์สิ่งของนั้นออกมาว่าเราซื้อของอะไรไปบ้าง จากนั้นก็จะแสดงขึ้นมาที่หน้าจอว่าเป็น Item อะไร จำนวนกี่ชิ้น พร้อมกับการคำนวณราคามาให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นเราก็แค่กดจ่ายเงินเท่านั้นเอง

ความสามารถด้าน AI ในงานเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นของการนำ AI มาใช้ ทั้งด้านการศึกษา การจัดการจราจร การจัดการสาธารณูปโภคโรงงานอุตสาหกรรม การเงิน การธนาคาร สมาร์ตซิตี้ หรือเมืองอัจฉริยะ และอื่นๆ อีกมากมาย

เพราะ AI กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนองค์กรและอุตสาหกรรมต่างๆ ในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน

 

ที่มา

https://www.huawei.com/en/press-events/news/2018/3/Huawei-Cloud-Enterprise-Connect-2018