นับแต่เพลง “หนักแผ่นดิน” ปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงอันดุดัน หาญ ห้าวของ สันติ ลุนเผ่ มี 2 สถานการณ์ที่บทเพลง”หนักแผ่นดิน”เข้า ไปมีส่วนร่วมด้วยอย่างทรงความหมาย

1 สถานการณ์ก่อนและหลังเหตุการณ์นองเลือดที่ท้องสนาม หลวงและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อเดือนตุลาคม 2519

หนักแผ่นดิน หนักแผ่นดิน คนเช่นนี้เป็นคน”หนักแผ่นดิน”

และ 1 สถานการณ์ก่อนรัฐประหารจะบังเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

โดยการปูทางและสร้างเงื่อนไขของ”กปปส.”

ไม่ว่าจะเป็น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ว่าจะเป็น นายเสรี วงศ์มณฑล ล้วนร้องออกมาด้วยความคึกคัก หนักแน่น

หนักแผ่นดิน หนักแผ่นดิน คนเช่นนี้เป็นคน”หนักแผ่นดิน”

 

สถานการณ์ “หนักแผ่นดิน” ได้หวนกลับมาสำแดงบทบาทอีกวาระ หนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เป็นสถานการณ์ก่อนการเลือกตั้งอันร้อนแรงเป็นอย่างสูง

เหมือนกับจะเสนอโดยนายทหารระดับ พล.อ.ผู้มีบทบาทเป็นอย่างสูงใน “คสช.”

ความจริงเริ่มจากการโพสต์ของคนระดับ”สูง”

เป็นการโพสต์ในบรรยากาศและอารมณ์ความรู้สึกที่หงุดหงิด เหมือนที่ ดร.นักการตลาดคนหนึ่งแสดงออก เหมือนที่นักแต่งเพลง นักสร้างภาพยนต์ นักเขียนบท แสดงออก

คนเหล่านี้ล้วนเคยมีบทบาทร่วมกับ “กปปส.” ผ่าน”มวลมหา ประชาชน”

จึงโยงเพลง”หนักแผ่นดิน” เข้ามาอย่างเหมาะเจาะ

พลันที่มีการไล่ให้ไปฟังเพลง”หนักแน่น”ด้วยการโยงเข้าหาข้อเสนอของพรรคการเมืองที่จะให้มีการปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม

      เดือนตุลาคม 2519 กับเดือนพฤษภาคม 2557 ก็มาเคียงกัน

 

ความน่าสนใจมิได้อยู่ที่ว่าตัวละครระหว่างสถานการณ์เมื่อเดือนตุ ลาคม 2519 กับสถานการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ดำเนินไป อย่างไร ประการเดียว

หากแต่อยู่ที่ว่าข้างและฝ่ายที่แต่ตัวละครเลือกยืนอยู่อร่ามตา เป็นอย่างสูง

กลิ่นของ”รัฐประหาร”จึงโชยกรุ่นขึ้นมาพลัน

มาพร้อมกับคำรามของบทเพลง”หนักแผ่นดิน”ห้าวหาญ