ทษช.ลงพื้นที่ชุมชนบ่อนไก่ ชาวบ้านร้อง ศก.แย่-ยาเสพติดอื้อ วอนเร่งแก้ปัญหา

เมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ศาลาประชาคม เคหะชุมชนบ่อนไก่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นำโดย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค นายนิคม ไวยรัชพานิช นายพิชัย นริพทะพันธ์ นายประภัสร์ จงสงวน นายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ โฆษกพรรค น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล รองโฆษกพรรค นายอุเมช ปานเดย์ นพ.เหวง โตจิราการ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ลงพื้นที่แนะนำ ม.ล.ณัฏฐพล เทวกุล ว่าที่ผู้สมัครทษช. กทม.เขต2 ปทุมวัน บางรัก สาทร โดยได้มีการสอบถามถึงปัญหาปากท้องของประชาชน พร้อมนำเสนอนโยบายต่อพี่น้องประชาชนตลาดเช้าชุมชนบ่อนไก่ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักประชาชนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แลกเปลี่ยนถึงปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ไม่ดี บางรายต้องกู้หนี้ยืมสิน

ต่อมาเวลา 09.00 น. ร.ท.ปรีชาพล ให้สัมภาษณ์ถึงบรรยากาศการลงพื้นที่ ว่า ลงพื้นที่ร่วมกับ ม.ล.ณัฏพล เทวกุล ว่าที่ผู้สมัครฯ กทม.เขต 2 ซึ่งเสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้าและประชาชน ระบุว่า ปัญหาหลักคือ เรื่องเศรษฐกิจ การทำมาหากินยากลำบาก เนื่องจากรัฐบาลนี้ จัดระเบียบหาบเร่แผงลอยทำให้ได้รับผลกระทบ ช่วงเช้ากับช่วงเย็นขายที่ชุมชม แต่ช่วงกลางวันไม่สามารถไปขายของริมทางเท้าข้างนอกได้ ทำให้รายได้หดหาย จึงหวังว่ารัฐบาลเลือกตั้งจะเข้ามาแก้ปัญหา โดยไทยรักษาชาติ รับปากว่า ถ้าเข้ามาเป็นรัฐบาล 1.จะหาช่องทางทำมาหากิน แหล่งทุนอย่างไมโครไฟแนนซ์ 2.วิสาหกิจชุมชนที่ทำผลิตภัณฑ์แต่ไม่มีช่องทางการขาย ก็จะนำดิจิทัล อิคอโนมี เข้ามาช่วยผ่านการอีคอมเมิร์ส เพื่อสร้างรายได้ให้เศรษฐกิจฐานรากที่มีความสำคัญเข้มแข็ง หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของประเทศ

หัวหน้าพรรคทษช.กล่าวต่อว่า 3.คุณภาพชีวิตเด็กนักเรียนในชุมชน โรงเรียนปลื้มจิต ที่มีคุณภาพ แต่มีแค่ระดับ ป.1-ป.6 ทำให้ผู้ปกครองลำบากในการหาที่เรียนต่อ จึงควรขยายโอกาสถึงระดับ ม.3 หรือ ม.6 และ 4.ปัญหาสังคม ที่เป็นผลมาจากปัญหาเศรษฐกิจ ยาเสพติดระบาดในชุมชนมาก ทำลายอนาคตลูกหลาน ต่างจากสมัย รัฐบาลไทยรักไทย ที่มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ ปราบปรามอย่างเด็ดขาด แต่เมื่อขาดความต่อเนื่อง จึงแก้ปัญหาไม่ได้ ทษช. พร้อมจะนำแอพพลิเคชั่นเข้ามาช่วย ด้วยความช่วยเหลือของชุมชนในการแจ้งเบาะแส ปรับเกณฑ์แต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยดูจากผลงานการปราบปรามยาเสพติด

เมื่อถามถึง ความพร้อมต่อการจัดเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคมพร้อมรับรองผลการเลือกตั้งภายในวันที่ 9 พฤษภาคม ตามกรอบ 150 วัน ของกกต.

ร.ท.ปรีชาพล กล่าวว่า กรอบการจัดเลือกตั้งและรับรองผลภายใน 150 วันนั้น ถ้าเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. รับรองผลภายในวันที่ 9 พ.ค. ก็มีเวลาอีกถึง 45 วัน รัฐธรรมนูญฉบับเดิมการรับรองผลใช้เวลาแค่เพียง 30 วัน เท่านั้น จึงไม่น่ามีปัญหา แต่งบประมาณหาเสียงในระดับพรรคที่ 35 ล้านบาท และรายเขตเลือกตั้งเขตละ 1.5 ล้านบาทนั้น เห็นว่าค่าใช้จ่ายแต่ละพรรคการเมืองจะอยู่ระหว่าง 10 – 70 ล้านบาท ตามแต่ละพรรคการเมืองจะส่งผู้สมัครส.ส. ซึ่งทษช. ก็พร้อม แต่ทั้งนี้ เงินเป็นเพียงปัจจัยเสริม เร่งแผนการหาเสียงลงพื้นที่พบประชาชนมีความสำคัญกว่า เพื่อสื่อสารให้ประชาชนเห็นว่า

“หากเลือกพรรคประชาธิปไตยอย่างทษช.ให้ชนะ ก็จะได้ชีวิตที่ดีขึ้น หากอยากเจริญรุ่งเรือง ให้เลือกทษช. และพรรคประชาธิปไตย” ร.ท.ปรีชาพล กล่าว

เมื่อถามว่า มาตรการคุมเข้มการหาเสียงบนโซเชียลมีเดีย ต้องขออนุญาตทุกครั้ง ร.ท.ปรีชาพล กล่าวว่า กฎกติกา ไม่มีปัญหา จะทำอย่างไร ขอให้ดำเนินการอย่างเท่าเทียมกันทุกพรรค ทษช.ทำได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเหมือนเป็น 2 มาตรฐาน พรรคที่สนับสนุนรัฐบาลได้เปรียบจากกฎกติกาและกลไกรัฐทุกอย่าง แต่อีกพรรคอื่นๆยังถูกเจ้าหน้าที่ติดตามตลอด แม้ทษช.พร้อมปฏิบัติตาม กติกาไม่เป็นปัญหา แต่ก็อยากเรียกร้องให้วางอยู่บนมาตรฐานสากล เพื่อจะได้ไม่เป็นข้อครหาของชาวไทยและชาวต่างชาติ เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา

มติชนออนไลน์