เสถียร จันทิมาธร : ต่างชดเชย กันและกัน (6)

เสถียร จันทิมาธร

การพ้องพานระหว่างอาวเอี้ยงฮงกับเอี้ยก่วยเท่ากับเป็นการประสาน “ปม” อันฝังลึกภายในความคิดจิตใจของแต่ละฝ่ายได้ปรากฏ ที่เคยเป็น “ตะกอน” กลับมิได้ “นอนก้น”

“ช่วยเหลือเจ้าไม่ยากลำบาก แต่เจ้าต้องรับปากเราเรื่อง 1 เราบอกว่ากระไรเจ้าล้วนต้องเชื่อฟังเรา”

เป็นเงื่อนไขอันมาจากอาวเอี้ยงฮง

เอี้ยก่วยครุ่นคิดขึ้นโดยอัตโนมัติ “บอกว่ากระไรล้วนต้องเชื่อฟัง หรือสั่งให้เราปลอมเป็นสุนัขรับประทานอาจมก็ต้องปฏิบัติตาม”

สะท้อนภาวะลังเลท่ามกลางการครุ่นคิด

“ตกลง เจ้าตายของเจ้าเถอะ” กล่าวด้วยน้ำเสียงกระชากกระชั้น พลางหดมือทั้ง 2 จากนั้นยืดเหยียดขึ้น กระโดดปราดไปทางด้านหลังหลายเชียะ

“กงกง ข้าพเจ้ารับปากแล้ว ไม่ว่าท่านกล่าวกระไรข้าพเจ้าล้วนปฏิบัติตาม”

“ตกลง เจ้าสาบานด้วยถ้อยคำสาหัส”

ยามนี้อาการชาที่แขนซ้ายลุกลามถึงหัวไหล่ ในใจยิ่งหวาดหวั่นพรั่นพรึงได้แต่สาบาน “หากกงกงช่วยชีวิตข้าพเจ้าขจัดพิษร้ายบนร่างข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามคำพูดของท่าน หากไม่ปฏิบัติตามขอให้พิษร้ายย้อนกลับคืนสู่ร่างข้าพเจ้า”

ปากอย่าง 1 แต่ใจคิดไปอีกอย่าง 1

ปากกล่าวคำสาบาน แต่ใจกรุ่นด้วยความรู้สึก “ภายหน้าเราจะไม่กระทบถูกเข็มเงินอีกพิษร้ายไหนเลยกลับคืนสู่ร่าง”

เห็นสีหน้าอาวเอี้ยงฮงบ่งบอกความยินดี

อาวเอี้ยงฮงผงกศีรษะรับพลันพลิกตัวยืนตรง ยื่นมือบีบเค้นข้อแขนของเอี้ยก่วยนวดเฟ้นอยู่หลายครา พลางกล่าว “ประเสริฐ เจ้าเป็นเด็กอันประเสริฐผู้หนึ่ง”

“กงกง ท่านบีบให้แก่ข้าพเจ้าอีก”

อาวเอี้ยงฮงขมวดคิ้ว “อย่าได้เรียกเราเป็นกงกง ให้เรียกเป็นบิดา”

“บิดาข้าพเจ้าเสียชีวิตแต่แรก ข้าพเจ้าไม่มีบิดา”

“เรากล่าววาจาประโยคแรกเจ้าก็ไม่ปฏิบัติตาม ยังต้องการบุตรชายเช่นเจ้าไยกัน”

กิมย้งบรรยายว่า เอี้ยก่วยครุ่นคิดในใจ “ที่แท้เขาต้องการรับเราเป็นบุตร” ในชีวิตของมันไม่เคยเห็นหน้าบิดา ได้ยินมารดาบอกว่าก่อนที่มันจะถือกำเนิดเกิดมา บิดาก็เสียชีวิตแล้ว เมื่อเยาว์วัยเห็นเด็กน้อยคนอื่นได้รับความรักถนอมจากบิดาในใจเฝ้านึกอิจฉา

แต่เห็นคนผู้นี้มีท่าทางแปลกประหลาด ลักษณะคลุ้มๆ คลั่งๆ กลับไม่ยอมรับเป็นบิดาบุญธรรม

อาวเอี้ยงฮงตวาดสำทับ

“เจ้าไม่ยอมเรียกเราเป็นบิดา ตกลง ผู้อื่นเรียกหาเราเป็นบิดาเรายังไม่ยอมรับ”

เอี้ยก่วยใช้ความคิดว่าจะนึกหาวิธีใดหลอกให้อีกฝ่ายรักษาเยียวยาเขา อาวเอี้ยงฮงพลันส่งเสียงประหลาดพิกลติดต่อกันคล้ายท่องสวดมนต์ก้าวเท้าจะออกเดินทางจากไป

“บิดา บิดา ท่านไปที่ใด”

อาวเอี้ยงฮงหัวร่อฮา ฮา “บุคคลที่เชื่อฟังวาจา มา เราจะสอนวิธีขจัดพิษภายในกายให้แก่เจ้า”

ครั้นแล้วถ่ายทอดเคล็ดวิชาและวิถีโคจรพลัง บอกว่าเป็นการโคจรพลังย้อนกลับ ต้องห้อยหัวกลับลงมา ยกเท้าขึ้นฟ้า บังคับเลือดลมไหลย้อน พิษร้ายจะถูกถ่ายเทออกทางตำแหน่งที่แทรกซึมเข้าสู่ร่าง

กิมย้งระบุ “เด็กหนุ่มเฉลียวฉลาดยิ่ง รับฟังเที่ยวเดียวก็เข้าใจ พอผ่านหูจดจำได้หมดสิ้น”

ดังนั้น ปฏิบัติตามวิธีการพบว่า อาการชาลดทอนลงจริงๆ โคจรพลังอยู่ครู่หนึ่งที่ปลายนิ้วของมือทั้ง 2 ข้าง มีหยดน้ำสีดำไหลซึมออกมาหลายหยด

“ใช้ได้แล้ว วันนี้ไม่ต้องฝึกอีก”

ยังไม่ทันขยับขับเคลื่อน กลางอากาศบังเกิดเสียงอินทรีร้องหลายครา อินทรีใหญ่ 2 ตัวโบยบินผ่านไป อาวเอี้ยงฮงเหม่อมองอินทรีทั้งคู่ใช้นิ้วมือเคาะหน้าผาก ขมวดคิ้วขบคิดอย่างเคร่งเครียด พลันนึกได้อันใดสีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลาย

“เราไม่ต้องการพบพวกมัน ไม่ต้องการพบพวกมัน”

ทันทีที่เงาร่างอาวเอี้ยงฮงหายวับไป บุรุษสตรีคู่หนึ่งก็เข้ามา เป็นก๊วยเจ๋ง เป็นอึ้งย้ง

อาจกล่าวได้ว่าเอี้ยก่วยเสนอตัวเข้ามาขณะที่อาวเอี้ยงฮงมีส่วนขาด ขณะเดียวกัน อาวเอี้ยงฮงเสนอตัวเข้ามาขณะที่เอี้ยก่วยมีส่วนขาด คนหนึ่งต้องการ “บุตร” คนหนึ่งต้องการ “บิดา”

การเข้ามาของอาวเอี้ยงฮงจึงเท่ากับชดเชยส่วนที่เอี้ยก่วยขาด การเข้ามาของเอี้ยก่วยจึงเท่ากับชดเชยส่วนที่อาวเอี้ยงฮงขาด

ดำเนินไปในลักษณะ “ขนม” พอสมกับ “น้ำยา”