(S)election : “ธนินท์ วังวีระธนานนท์” มันสมองดิจิตัลทีมเศรษฐกิจ “เพื่อชาติ” ชู “บล็อกเชน” แก้เหลื่อมล้ำ

ดร. ธนินท์ วังวีระธนานนท์ หรือ ดร. คิม ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ประเภทบัญชีรายชื่อ พลเมืองดิจิตอลทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อชาติ นักวิเคราะห์และวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ที่มีรางวัลการันตีหลายรางวัล อาทิ รางวัลดุษฎีนิพนธ์ยอดเยี่ยมอันดับสองของคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปี 2557 รางวัล Top Five MAI Star Researcher 2006 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และรางวัล Outstanding Academic Papers Written by Students 2008 ของ City University of Hong Kong และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ดร. คิมเป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่เป็นทีมแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจหนี้สินและความยากจนของพรรคเพื่อชาติ จากประสบการณ์ในทางเศรษฐศาสตร์ในการเป็นผู้วิเคราะห์เศรษฐกิจระหว่างประเทศประมาณ 10 ปี และการบรรยายวิชาเศรษฐศาสตร์มหภาค และเศรษฐศาสตร์จุลภาคที่มหาวิทยาลัยเอแบค ดร. คิมจะนำความรู้จากทฤษฎีมาแปลงเป็นการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาความยากจนและหนี้สินของประชาชนฐานราก โดยได้นำเสนอมีวิธีการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว การแก้ปัญหาระยะสั้นจะยังไม่เปิดเผยเกรงว่าจะมีบางพรรคลอกเลียนแบบ เพราะวิธีการแก้ที่ไม่ซับซ้อนแต่เป็นแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินแต่แก้ปัญหาหนี้สินได้ทันที ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาวจะกระทำด้วยการเปลี่ยนกฎเกณฑ์ให้คนจนเป็นผู้ชนะ

แนวคิดที่ ดร. คิม นำเสนอคือ สิ่งที่ทำให้คนจนแพ้ ไม่ใช่เพราะการศึกษาหรือความขี้เกียจ และการเกิดเป็นคนจนไม่ได้เป็นความผิด การเปลี่ยนกฎที่ทำให้คนมีโอกาสมากขึ้น โดยไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อส่วนรวมเป็นสิ่งจำเป็น และหากไม่สามารถเปลี่ยนได้เลย คนที่ผิดไม่ใช่คนที่เกิดมาจน แต่คือสังคมที่คนเรานั้นเกิดมา เพราะเป็นสังคมที่มุ่งรักษาผลดีให้คนส่วนน้อยด้วยต้นทุนของคนส่วนใหญ่ กฎที่ทำให้คนจนเป็นคนแพ้ คือกฎที่ช่วยเหลือคนรวยแต่ตัดโอกาสและซ้ำเติมความยากแค้นให้คนจน

ตัวอย่างของกฎนี้คือกฎที่ให้ บสย. ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐสามารถค้ำประกันได้เฉพาะสินเชื่อเพื่อธุรกิจให้เจ้าของโรงงานสามารถกู้เงินได้ แต่ไม่สามารถค้ำประกันสินเชื่อส่วนบุคคลให้คนสามารถกู้เพื่อไปชำระหนี้เก่าและแก้ปัญหาเงินทุนหมุนเวียนส่วนบุคคลได้ กฎระเบียบนี้คือกฎระเบียบที่สร้างความเหลื่อมล้ำให้ทวีคูณระหว่างคนที่เกิดมาจนกับคนที่เกิดมารวย คนรวยที่เกิดมามีทรัพย์สินที่เพียงพอสามารถสร้างธุรกิจใหม่ได้ กลับสามารถให้รัฐค้ำประกันเพิ่มได้ ในขณะที่คนที่เกิดมาพร้อมกับหนี้สินของครอบครัวต้องจมปลักกับหนี้นั้นตลอดชั่วลูกชั่วหลาน ทั้งยังถูกกีดกันและตัดโอกาสจากกฎเกณฑ์ที่เขียนห้ามไว้ ไม่ให้รัฐสามารถช่วยค้ำประกันให้ได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่กฎนี้ยังมีอยู่ ระบบของสังคมจะกำหนดไว้ให้คนจนไม่ว่าจะสู้ยังไงก็แพ้ ส่วนคนรวยจะรวยขึ้น โดยที่การข้ามชั้นแทบเป็นไปไม่ได้ แต่หากกฎนี้ถูกทำลายลง และคนจนได้รับการช่วยเหลือ โดยมีโอกาสได้รับการค้ำประกันเช่นกัน

เมื่อนั้นจะถึงวันที่คนส่วนใหญ่เป็นผู้ชนะและการก้าวข้ามความจนและการหมดหนี้หมดสินจะไม่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป การจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ ขึ้นอยู่ว่าจะเปลี่ยนกฎนี้หรือสร้างหน่วยงานใหม่ได้หรือไม่เพียงเท่านั้น

เมื่อคนจนสามารถได้รับการช่วยเหลือด้วยการค้ำประกันหนี้สินโดยรัฐบาล คนจนจะไม่เป็นที่ถูกรังเกียจในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรมอีกต่อไป ทำให้กฎหมายที่อนุญาตให้สถาบันการเงินเก็บดอกเบี้ยเกินปีละ 15% ได้ กฎหมายที่เพิ่มกำไรให้ธนาคารด้วยการเอาเปรียบคนจนให้จ่ายดอกเบี้ยแพงขึ้น ต้องถูกล้มเลิกไป ซึ่งจะทำให้คนจนจ่ายดอกเบี้ยน้อยลงอย่างน้อยครึ่งหนึ่งในทันที ถึงแม้จะทำให้สถาบันที่ให้กู้เงินมีกำไรลดลงก็ตาม แต่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว เมื่อความเสี่ยงในการให้คนจนกู้เงินนั้นไม่มีอีกอีกต่อไป จากการที่รัฐบาลให้การช่วยเหลือด้วยการเป็นผู้ค้ำประกันให้

 

การลดอำนาจการผูกขาดธุรกิจในระยะยาว

การผันเงินจากคนรวยสู่คนจน ให้คนจนเป็นผู้ดันเศรษฐกิจให้โตขึ้น เพื่อให้ประโยชน์ จากการพัฒนาทางเศรษฐกิจกระจายสู่คนส่วนใหญ่ จากเดิมที่การเติบโตในทิศทางเดิมของเศรษฐกิจทำให้เกิดภาวะรวยกระจุก จนกระจาย ซึ่งมีสาเหตุมาจากเหตุผลเดียวคือการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม การกลับทิศทางการค้าจากธุรกิจรายใหญ่สู่ธุรกิจขนาดเล็กสามารถทำได้อย่างง่ายดายขึ้นอยู่กับเพียงแค่ว่าผู้บังคับใช้ พรบ. การแข่งทางการค้า พ.ศ. 2560 จะตัดสินให้บริษัทใดถือเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาดบ้าง และหากกฎหมายนี้ไม่สามารถถูกบังคับใช้ได้อย่างเป็นธรรมก็จำเป็นที่จะต้องแก้กฎหมายนี้อีกครั้งให้เป็นธรรมมากยิ่งขึ้น กรณีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอาหารสด และธุรกิจสุรา

ในขณะที่คนหลายๆ คนทำมาค้าขายด้วยความยากลำบาก ธุรกิจดังที่ยกตัวอย่างมานั้นได้รวบผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไว้แต่เพียงผู้เดียวโดยไม่มีการจัดสรรส่วนเกินทางเศรษฐกิจหรือกำไรไปตามแต่ละขั้นในห่วงโซ่อุปทาน หรือสามารถรวบทุกขั้นในห่วงโซ่อุปทานไว้ที่ตนเองได้ตั้งแต่ปัจจัยการผลิต เทคโนโลยีในการผลิต และช่องทางการจัดจำหน่าย ดังในกรณีของธุรกิจอาหารสด และธุรกิจสุรา ซึ่งการผูกขาดทั้งห่วงโซ่อุปทานไม่ควรเกิดขึ้นมาตั้งแต่เริ่ม และสิ่งที่เป็นอันตรายสูงที่สุดต่อเศรษฐกิจแข่งขันสมบูรณ์คือการผูกขาดความมั่งคั่งไว้กับตระกูลใหญ่เพียงไม่กี่ตระกูลในประเทศ ที่ถือครองที่ดินรวมกันแล้วมีขนาดพื้นที่มากกว่า 10 จังหวัด ทำให้ตระกูลใหญ่เพียงไม่กี่ตระกูลเหล่านี้มีอำนาจเหนือรัฐบาลซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องเปลี่ยนแปลงในทันที เพื่อให้การหมุนเวียนของเศรษฐกิจกลับทิศจากรวยกระจุกจนกระจายเป็นรวยกระจายไม่และจนอีกตลอดไป

การแก้ปัญหาการผูกขาดธุรกิจจะทำให้ผลกำไรจากการผลิตสินค้าและการค้าขายต่างๆ ทั้งภายในประเทศและการส่งออก กระจายสู่ทั่วทุกภูมิภาคและสู่ประชาชนทุกระดับชั้นรายได้ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเกิดความเท่าเทียมในการสร้างโอกาสที่เสมอภาคในการขยับชั้นรายได้ก้าวข้ามชนชั้นแรงงานและผู้มีรายได้น้อยสู่ระดับชั้นผู้มีการศึกษาและรายได้ที่เท่าเทียมและมีจำนวนผู้มีรายได้ชั้นกลางขึ้นกลายเป็นทรัพยากรบุคคลที่เป็นความหวังและเป็นที่ภาคภูมิใจของประเทศ

 

“บล็อกเชน” แก้เหลื่อมล้ำ-เพิ่มประสิทธิภาพงานภาครัฐ

การใช้เทคโนโลยี Blockchain แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มความเร็วในการทำงานของรัฐ
การเกิดขึ้นของเทคโนโลยี Blockchain เป็นเทคโนโลยีใหม่ในยุคนี้ เปรียบเทียบได้กับการเกิดขึ้นของ Internet ในยุคที่แล้ว โดย Blockchain ใช้การเชื่อมต่อ Internet เป็นพื้นฐาน รวมกับความคิดริเริ่มในการใช้การยืนยันความถูกต้องด้วยสูตรทางคณิตศาสตร์ แทนการใช้ความเชื่อมั่นในสถาบัน ซึ่งทำให้คนกลางที่จะให้การรับรองความถูกต้องของความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิในทรัพย์สินใดชนิดหนึ่งไม่จำเป็นอีกต่อไป ทำให้หน้าที่ดังกล่าวของรัฐบาลอาจหมดไปในอนาคตถ้าเทคโนโลยี Blockchain ถูกนำมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ

ตัวอย่างเช่นการใช้ Blockchain ในการเก็บบัญชีโฉนดที่ดินทั้งหมดของประเทศ โดยพื้นที่ทุกตารางนิ้วของประเทศจะถูกบันทึกไว้ในเครือข่าย Blockchain ทั่วโลกที่ไม่สามารถมีใครเจาะรหัสเข้ามาได้เพราะติดขีดจำกัดทางเทคโนโลยี ทำให้ปัญหาการทับซ้อนของที่ดินหมดไปในทันทีเพราะสามารถใช้พิกัดแผนที่ที่ละเอียดได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ในทุกพื้นที่ของประเทศ รวมถึงสามารถยืนยันกรรมสิทธิ์ และเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ได้ในทันที เนื่องจากข้อมูลทุกอย่างที่ถูกเก็บไว้ในเครื่องแม่ข่ายสามารถยืนยันการทำธุรกรรมได้ในเสี้ยววินาที โดยไม่จำเป็นต้องมีศูนย์ข้อมูลกลางอย่างกรมที่ดินอีกต่อไป ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีที่ดินและภาษีทรัพย์สินสามารถทำได้ทันทีตลอดเวลาด้วยความแม่นยำสูงสุด และแก้ปัญหาการทุจริตได้ทันที

ผลกระทบเศรษฐกิจโลกและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ไทยต้องดำเนินโยบายเศรษฐกิจอย่างรอบคอบ เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงในปี 2018 ถึงแม้ข้อมูลเศรษฐกิจหลักอย่างอัตราการเติบโตของ GDP โลกยังอยู่ในระดับสูงถึง 4% กว่า แต่ไม่มีสัญญาณใดเลยที่บ่งบอกว่าการเติบโตนี้จะมีความยั่งยืน เนื่องจากนโยบายการเงินและการคลังรวมถึงสภาพเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบัน ของประเทศมหาอำนาจทั่วโลก ต่างอยู่ในสภาะตึงตัวและมีความต้องการหรืออุปสงค์ลดลง เพราะได้ผ่าน จุดสูงสุดของรอบวัฏจักรการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ไปแล้ว ในอนาคตอันไกล้สิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่าคือการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่งชะลอตัวลงมานานแล้ว และยังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐ และปัญหาหนี้สินภายในประเทศของประเทศจีน รวมถึงความพยามในการปฏิรูปประเทศของปธน. จีน ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจจีนทั้งสิ้น

ดังนั้นการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของไทยเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวจึงควรดำเนินนโยบายอย่างรอบคอบ รักษาวินัยการคลังและไม่กระตุ้นเศรษฐกิจฟุ้งเฟ้อ ควรเน้นการใช้จ่ายทั้งของรัฐและประชาชนที่มีคุณค่าและเกิดประโยชน์มากกว่าที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อหวังผลในระยะสั้น แต่ทำใหนี้สินครัวเรือนสูงขึ้น ดังนั้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยการกลับทิศทางการช่วยเหลือจากเน้นที่ธุรกิจใหญ่ เป็นเน้นที่ประชาชนโดยตรงรวมถึงธุรกิจขนาดเล็ก และการลดการคิดดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรมและการคืนภาษีให้คนมีเงินเหลือและหนี้สินลดลง จึงเป็นการดำเนินนโยบายที่ถูกต้องและได้ประโยชน์และมีความเสี่ยงน้อยกว่านโยบายที่ผ่านมาตลอด

การที่ ดร.คิมตัดสินใจร่วมงานกับพรรคเพื่อชาติเนื่องจากการก่อเกิดของพรรคเพื่อชาติเป็นปรากฎการณ์ทางการเมืองที่ทำให้เห็นว่าสิ่งที่ดูคล้ายกับความเป็นไปไม่ได้ในทางการเมือง เกิดขึ้นจริงและกลายเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจในสังคม จากการที่บุคคลทางการเมืองจากต่างขั้วไม่เพียงแค่จับมือแต่ยังร่วมงานและให้เกียรติซึ่งกันและกันได้ถึงแม้จะมีความคิดต่างในบางประเด็น แต่เมื่อเห็นว่าความขัดแย้งอยู่มานานกว่า 10 ปี และผู้ที่เสียประโยชน์ที่สุดคือประชาชนทำให้ทุกคนคิดได้ถึงการยอมรับในตัวตนซึ่งกันและกันและหาวิธีให้ประเทศไปข้างหน้าเพื่อลดความลำบากของประชาชนส่วนใหญ่

“เมื่อเห็นความเสียสละทางการเมืองของผู้นำทางการเมืองทุกฝ่ายจึงทำให้เกิดความประทับใจและความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังมีทางแก้ และโอกาสในการกลับทิศทางเพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่หลุดพ้นความลำบาก เมื่อมีเพื่อนที่เรียนหนังสือมาด้วยกันชักชวนให้มาร่วมอุดมการณ์เดียวกันจึงไม่รีรอและตัดสินร่วมผลักดันนโยบายเพื่อแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชนของพรรคเพื่อชาติในทันทีถึงแม้จะติดเรียนอยู่ที่อังกฤษแต่ก็ได้ขออนุญาติครอบครัวเพื่อเดินทางกลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อชาติในทันทีที่มีการปิดพักเรียนระหว่างภาคการศึกษา และจะดำเนินการสนับสนุนนโยบายของพรรคจากอังกฤษต่อไป หากต้องกลับไปศึกษาต่อ และจะมาร่วมงานกับพรรคทันทีหลังจากจบการศึกษาที่อังกฤษ ทำให้ตนเป็นนักการเมืองที่เรียนด้าน Data Science และ AI และผ่านการเป็นนักวิเคราะห์เศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ อาจารย์มหาวิทยาลัย และนักธุรกิจมา” ดร. ธนินท์ วังวีระธนานนท์ กล่าว