อุรุดา โควินท์ / อาหารไม่เคยโดดเดี่ยว : ปลาดุกบางตัวไม่ใช่อาหาร

ปลาดุกในสระหน้าบ้านตัวใหญ่กว่าต้นขาฉันเสียอีก น้องเขยปล่อยไว้นานแล้ว แม่เอาอาหารมาให้ทุกวัน ปลาดุกทั้งโต ทั้งอ้วน บางคืนฉันก็สะดุ้งตื่น เพราะเสียงว่ายน้ำของมัน

“กินไม่อร่อยหรอก ตัวใหญ่เกิน” ฉันบอกน้อง

เป็นความจริงส่วนเดียว เหตุผลหลักที่ทำให้เราจับปลากินไม่ได้ คือแม่ให้อาหารปลาทุกวัน

ปลาดุกพวกนี้เป็นสัตว์เลี้ยงของแม่ (ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้) ต้องเป็นเรื่องแน่ ถ้าฉันปล่อยให้น้องจับสัตว์เลี้ยงของแม่มากิน

เรื่องในบ้านเยอะอยู่แล้ว ฉันไม่อยากสร้างเรื่องเพิ่ม แต่ฉันอยากให้น้องทั้งสองได้กินแอ๊บปลาดุก น้องอุตส่าห์มาช่วยทำความสะอาดสระ แน่ล่ะ น้องต้องเห็นปลา และสำหรับทุกคน ปลาดุกคืออาหาร ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง

ระหว่างที่น้องเก็บเศษใบไม้ ฉันขี่มอเตอร์ไซค์ไปตลาด ซื้อปลาดุกสี่ตัวขนาดกำลังดี ให้พ่อค้าหั่นเป็นชิ้นหนาราวหนึ่งเซนติเมตร ส่วนหัวทิ้งไป เพราะห่อยาก เนื้อมีน้อย

จากพ่อค้าปลา ฉันเดินมาหาแม่ค้าผัก ภาวนาให้มีใบขิง และเตรียมแผนสองในใจ ถ้าไม่มี จะใส่โหระพาแทน บังเอิญว่าโชคเข้าข้าง ฉันจึงได้ทั้งใบขิง ต้นหอม ผักชี และผักชีฝรั่ง

“หยะอะหยังกิ๋น แลงนี้” แม่ค้าถาม

“แอ๊บปลาจ้าว” ฉันตอบเสียงหวาน

“เอาตองไปโตยก่อ”

ฉันส่ายหัว ปลาดุกสี่ตัว ฉันจะทำสี่ห่อ หนึ่งห่อใช้ตองสองหรือสามชั้น ยังไงเสีย กล้วยต้นข้างบ้านก็พอใช้

 

กลับถึงบ้าน ฉันติดเตาถ่านเป็นอันดับแรก ใช้ไฟกลางและไฟอ่อน จะย่างได้หอมกว่า ไฟแรงไป ตองจะไหม้ และปลาอาจไม่สุก

กับเตาถ่าน ถ้าเรารู้จักมัน ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย มีไม้เกี๊ยะสองสามอัน พาดกันไว้ที่กลางเตา จุดไม้ขีดด้านใต้ พอไม้เกี๊ยะติดไฟ ฉันใส่ถ่านใกล้เกี๊ยะ ใส่ทีละก้อนสองก้อน ถ่านจะเริ่มติดจากก้อนที่อยู่ใกล้ไม้เกี๊ยะ แล้วลามต่อจนทั่วเตา จึงร้อนเต็มที่

กับแอ๊บปลา ฉันชอบให้เตาผ่านช่วงนี้ไปก่อน ใช้ไฟช่วงหลังกระทั่งถึงขี้เถ้า จะได้แอ๊บปลาหอมอร่อยที่สุด

ระหว่างรอ ฉันแช่ผักล้าง และเตรียมเครื่องแกง ซึ่งประกอบด้วย พริกแห้ง กระเทียม หอมแดง (มากกว่ากระเทียม) ขมิ้น ตะไคร้ และเกลือนิดหน่อย จะใช้แค่นี้ก็ได้ แต่ฉันเห็นข่าในตู้เย็น เลยใส่ลงครกไปด้วย เพิ่มความซ่านเป็นฉากหลัง

“ได้กิ๋นแอ๊บปลาแต้ล่ะคิง”

ได้ยินน้องคุยกัน

น้องเห็นฉันก่อไฟ และตำเครื่องแกง น้องคงรู้ จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้

“อยากกินอะไรอีกมั้ย นอกจากแอ๊บปลา” ฉันตะโกนถาม

“มีข้าวนึ่งก็ปอล่ะปี้”

น้องไม่ได้เกรงใจ-ฉันรู้ คนเหนือกินกันแค่นี้จริงๆ ไม่ต้องเปลี่ยนลิ้นไปกินกับข้าวจานที่สอง ไม่ต้องใช้จานใช้ช้อน มีกระติกข้าวเหนียว ปลาในใบตอง และมือสะอาด ที่สำคัญ-วันนี้เราออกแรงเยอะ ฉันแน่ใจว่าแอ๊บปลาจะอร่อยเป็นพิเศษ แม้ไม่ใส่ทั้งผงชูรส และรสดี

ตำน้ำพริกให้ละเอียด แล้วเอามาคลุกกับปลาดุกที่ล้างจนหมดเมือก คลุกให้แน่ใจว่าน้ำพริกเคลือบปลาทุกชิ้น แล้วใส่พริกขี้หนูลงไปสักสิบเม็ด ตามด้วยผัก-ต้นหอมผักชี ผักชีฝรั่ง และใบขิง โดยหั่นเป็นท่อนๆ คลุกอีกครั้งให้เข้ากัน

คราวนี้ก็พร้อมห่อ

 

แอ๊บปลานิยมห่อเป็นสี่เหลี่ยม ซึ่งง่ายมาก ใช้ใบตองสองใบ วางซ้อนกัน ตักเนื้อปลาลงไป พับริมทั้งสี่ด้านให้มิด แล้วคว่ำลงบนตองอีกใบ ห่ออีกชั้นหนึ่ง ก่อนกลัดด้วยไม้กลัด

ใบตองค่อนข้างเล็ก จึงต้องเปลี่ยนแผนห่อให้เล็กลง ห่อจนครบ ฉันวางแอ๊บปลาบนเตาถ่าน ย่างให้ตองด้านหนึ่งกลายเป็นสีน้ำตาลไหม้ จึงค่อยพลิกย่างอีกด้าน

ใบตองกลายเป็นสีน้ำตาลทั้งสองด้าน ก็หมายความว่าปลาสุก

“ล้างมือได้เลย” ฉันตะโกนบอก

“ยังบ่อแลงเลยปี้”

“พอล่ะ วันนี้ทำแค่นี้ มากินข้าวเถอะ” ฉันยืนยัน เพราะถ้าแกะตองออกมาแล้วควันฉุย นั่นล่ะ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของแอ๊บปลา

อาหารก็เหมือนทุกเรื่อง มีช่วงเวลาเหมาะสมซึ่งไม่อาจย้อนคืน

 

ฉันวางแอ๊บปลากับข้าวเหนียวให้น้องบนโต๊ะ เขาจะกินอร่อยกว่า ถ้าฉันไม่ร่วมวง ข้อนี้ฉันรู้ดี และฉันยังไม่หิว อยากเดินรอบสระให้ชื่นใจ

สองสัปดาห์ก่อนยังมีฝน เราเข้ามาจัดการบริเวณรอบสระไม่ได้ มันรกเสียจนฉันท้อใจ ครั้นได้น้องสองคนมาช่วย ฉันก็มีแรงฮึด การร่วมแรงร่วมใจ ได้ผลสำเร็จเช่นนี้เอง

มองสะพานที่ใกล้พังนั่น…มันผ่านความเบิกบานมาแล้ว กำลังร่วงโรยเมื่อฉันย้ายเข้ามา เช่นเดียวกับหลายส่วนบนที่ดินผืนนี้

ราวกับว่าที่ดินผืนนี้รอคอย…รอให้ฉันเข้ามาทำให้น่าอยู่ มันไม่ใช่ของฉัน แต่หากฉันต้องอยู่นานกว่าสามปี ฉันก็จะถือเป็นบ้าน เป็นสถานที่ซึ่งควรงอกงาม

ปลาดุกยักษ์ว่ายขึ้นมาบนผิวน้ำ เสียงน้ำดังจนน้องทั้งสองหันมามอง

หมดเวลาของเจ้าแล้วล่ะปลาดุก ช่วงเวลาที่เจ้าเหมาะจะใช้งานได้ผ่านไปนานโข

ก็เหมือนกับสะพานไม้โยกเยกนั่นล่ะ