สรุปข่าวต่างประเทศ : เทปเสียงนาทีสังหาร ‘คาช็อกกี’ / อัยการญี่ปุ่นแจ้งข้อหา อดีต ปธ.นิสสัน / ห้ามขายไอโฟนในจีน

ตุรกี

อิสตันบูล – สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม อ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวรายหนึ่งที่ได้อ่านสำเนาการถอดเทปเสียงที่ระบุว่าเป็นนาทีสังหารนายจามาล คาช็อกกี คอลัมนิสต์ชาวซาอุดีอาระเบียซึ่งเกิดขึ้นในสถานทูตซาอุฯ ประจำนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อ 2 ตุลาคม ระบุว่า คำพูดสุดท้ายของคาช็อกกีก่อนจะเสียชีวิต ได้ร้องบอกว่า “ผมหายใจไม่ออก” ซึ่งแหล่งข่าวชี้ว่าเทปเสียงนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าการฆาตกรรมนายคาช็อกกีนั้นมีการวางแผนไว้ก่อนล่วงหน้า และยังมีสิ่งบ่งชี้ว่ามีการโทรศัพท์เกิดขึ้นหลายครั้งเพื่อแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดการกับนายคาช็อกกีให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของซาอุฯ รับทราบ

แหล่งข่าวระบุว่าสำเนาเทปเสียงที่ตนเองได้อ่าน เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเวลาที่นายคาช็อกกีเดินเข้าไปในสถานทูตซาอุฯ ของวันเกิดเหตุ ซึ่งถูกระบุว่าสถานการณ์เริ่มไม่เป็นไปตามแผนในการจะนำตัวนายคาช็อกกีกลับซาอุฯ เมื่อคาช็อกกีจำหนึ่งในกลุ่มชายที่ตนเองพบในสถานทูตซาอุฯ ได้ ซึ่งเสียงนั้นถูกระบุว่าคือนายมาเฮอร์ อับดูลาซิซ มูเทร็บ เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองซาอุฯ ที่ทำงานให้กับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุฯ ที่กล่าวจะให้นายคาช็อกกีกลับซาอุฯ แต่เจ้าตัวตอบว่าพวกเขาทำอย่างนั้นไม่ได้ ก่อนจะมีเสียงดังอึกทึกเกิดขึ้นและการดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ได้อากาศหายใจของนายคาช็อกกี ก่อนที่จะมีเสียงพูดสุดท้ายของคาช็อกกีที่กล่าวว่า “ผมหายใจไม่ออก”

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ยังมีเสียงดังและเสียงกลุ่มคนที่ปรากฏอยู่ในเทปเสียงนี้ โดยเสียงดังเป็นเสียงของการใช้เลื่อยตัด ขณะที่หนึ่งในเสียงของกลุ่มคนนั้น ทางการตุรกีระบุว่าเป็นเสียงของด๊อกเตอร์ซาลาห์ โมฮัมเหม็ด อัล-ทูเบกี หัวหน้ากองนิติเวชศาสตร์ กระทรวงมหาดไทยซาอุฯ ที่กล่าวแนะให้คนอื่นๆ ใช้หูฟังอุดหู หรือเปิดเพลงฟังเหมือนตนเอง เพื่อกลบเสียงเลื่อยที่เชื่อว่าเป็นการชำแหละหั่นศพนายคาช็อกกี

ในสำเนาถอดเทปเสียงนี้ไม่ได้ชี้ว่าคาช็อกกีเสียชีวิตลงตอนไหน แต่ชี้ให้เห็นว่านายมูเทร็บเป็นคนที่คอยโทรศัพท์รายงานพัฒนาการของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ทางกรุงริยาดรับทราบ และให้แจ้ง “ท่าน” ว่าทุกอย่างเรียบร้อย ซึ่ง “ท่าน” ทางการตุรกีเชื่อว่าหมายถึงนายใหญ่

 


ญี่ปุ่น

โตเกียว – สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม อัยการญี่ปุ่นแจ้งข้อหาดำเนินคดีนายคาร์ลอส กอส์น อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มพันธมิตรเรโนลต์-นิสสัน หนึ่งในกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในข้อหาประพฤติมิชอบทางการเงินอย่างเป็นทางการแล้ว จากกรณีการแจ้งรายได้ที่ต่ำกว่าความเป็นจริง และนายกอส์นยังถูกออกหมายจับในข้อกล่าวหาอื่นอีกด้วย ซึ่งจะเป็นผลให้นายกอส์นอาจต้องใช้ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสปีนี้อยู่ในเรือนจำต่อไป

ทั้งนี้ นายกอส์น อดีตประธานบริษัทนิสสัน ชาวบราซิล วัย 64 ปี ถูกตำรวจญี่ปุ่นจับกุมคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในข้อหาแจ้งรายได้ของตนเองในช่วงระหว่างปี 2010-2015 ต่ำกว่าความเป็นจริงราว 5 พันล้านเยน และทางการญี่ปุ่นยังออกหมายจับนายกอส์นอีกครั้งในวันเดียวกันนี้ในข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งรายได้ที่ต่ำกว่าความเป็นจริงอีกเช่นกัน มีมูลค่า 4 พันล้านเยนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

 

จีน

ปักกิ่ง – สำนักข่าวเอพีและเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม บริษัท ควอลคอมม์ ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา แถลงว่าศาลจีนได้สั่งห้ามขายไอโฟนในประเทศจีน เนื่องจากมีปัญหาเรื่องสิทธิบัตร โดยศาลประชาชนกลางฝูโจว อนุญาตตามคำร้องขอของควอลคอมม์ที่ต้องการให้แอปเปิ้ลหยุดการจำหน่ายไอโฟนบางรุ่น ได้แก่ ไอโฟน 6 เอส, ไอโฟน 6 เอส พลัส, ไอโฟน 7, ไอโฟน 7 พลัส, ไอโฟน 8, ไอโฟน 8 พลัส และไอโฟนเท็น

คำสั่งห้ามการขายไอโฟนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากความขัดแย้งยาวนานเรื่องปัญหาสิทธิบัตรระหว่างบริษัทแอปเปิ้ลกับควอลคอมม์ สองบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่มีการนำไปขึ้นศาลในหลายประเทศทั่วโลก สำหรับในส่วนของคำตัดสินของจีนนั้น เป็นเรื่องของสิทธิบัตรเรื่องการใช้งานของผู้บริโภคในการจัดการกับภาพถ่าย ทั้งการปรับแต่ง การปรับขนาดและการแสดงผล และการจัดการกับแอพพลิเคชั่นบนหน้าจอระบบสัมผัส

ดอน โรเซนเบิร์ก รองประธานบริหารของควอลคอมม์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า แอปเปิ้ลยังคงได้ผลประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาของควอลคอมม์ แต่กลับปฏิเสธที่จะจ่ายเงินชดเชยให้แก่ควอลคอมม์ ซึ่งคำสั่งศาลครั้งนี้ถือเป็นการยืนยันอีกครั้งเกี่ยวกับสิทธิบัตรของควอลคอมม์

ด้านแอปเปิ้ลระบุว่า ควอลคอมม์อ้างสิทธิใน 3 สิทธิบัตร ที่ไม่เคยถูกยกขึ้นมากล่าวอ้าง รวมถึงสิทธิบัตรหนึ่งที่หมดอายุไปแล้ว และว่า ไอโฟนทุกรุ่นยังคงมีขายสำหรับลูกค้าในประเทศจีน