วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย / เสถียร จันทิมาธร / เบาะแส ร่องรอย อึงกง (165)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย / เสถียร จันทิมาธร

 

เบาะแส ร่องรอย อึงกง (165)

 

การสนทนาโต้ตอบที่มีการอ้างอิงนามอึงกง เอียวเก๋า ใกล้เคียงเป็นอย่างยิ่งกับนามของเอี้ยก่วย คำพูดเหล่านี้พอกระทบโสตอึ้งย้งสร้างความตื่นเต้นสงสัยกว่าเดิม

เตียเล่าเจียกเอี้ยแห่งเมืองซิ้งเอี้ย สืบเชื้อพระวงศ์ราชวงศ์ซ้อง

ไม้ตายประจำตระกูลเป็น “32 ท่วงท่าหมัดยาวไท่โจ้ว” (ไท่โจ้วซาจับยี่เส็กเซี้ยงคุ้ง) กับวิชา “12 แนวทางกระบองเสมอคิ้ว” (จับโป้ยโล่วซี้ไบ๊กุ้ง)

บุคคลนี้มีบรรดาศักดิ์สูงส่ง ไม่คลุกคลีกับชาวยุทธจักร

ส่วนหลวงจีนไว้ผมหนวกใบ้แห่งภูเขาโอวอาซัว เป็นผู้อาวุโสบู๊ลิ้มในแดนซาเซียง มีพลังฝีมือสูงเยี่ยม แต่เนื่องด้วยทั้งหนวกทั้งใบ้ จึงไม่ไปมาหาสู่กับคนนอก

งานชุมนุมผู้กล้าที่เมืองเซียงหยางครั้งนี้ก๊วยเจ๋ง อึ้งย้งทราบดีว่า บุคคลทั้ง 2 ต่างซ่อนตัวเร้นกายต้องไม่ลงจากเขา แต่ด้วยความเคารพในเกียติภูมิของทั้ง 2 ยังคงจัดส่งเทียบผู้กล้าไป บุคคลทั้ง 2 ก็จดหมายตอบปฏิเสธมาตามความคาดหมาย

“หรือว่าอึงกงผู้นี้มีหน้ามีตาถึงเพียงนี้ เพียงส่งนามบัตรใบเดียวก็เรียกหาให้ยอดคนผู้ซ่อนตัวทั้ง 2 รุดมาภายใน 10 วันได้ละหรือ”

ยิ่งครุ่นคิด อึ้งย้งยิ่งบังเกิดความวิตกกังวล

 

เป็นความวิตกกังวล 1 “งานชุมนุมผู้กล้าจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ คนผู้นี้นัดหมายยอดฝีมือชาวบู๊ลิ้มมายังเมืองเซียงหยางด้วยจุดประสงค์ใด หรือคิดช่วยเหลือฝ่ายมองโกล หรือว่าประสงค์ร้ายต่อฝ่ายเรา”

แต่อีกทาง 1

“เตียเล่าเจียกเอี้ยกับหลวงจีนไว้ผมหนวกใบ้ แม้มีนิสัยโดดเดี่ยว พิกล แต่มิใช่ชนชาวอธรรม หากแม้นอึงกงนั้นเป็นคนลอบช่วยเหลือเซียงยี้ฆ่านีมอซิง แสดงว่าเป็นคนอุดมการณ์เดียวกัน”

ขณะครุ่นคิดอยู่นั้นก็ได้ยินคนแซ่ตั้งกล่าว

“อึงกงไม่เคยใช้สอยพวกเรามาก่อน คราครั้งนี้คงต้องสนุกสนานครึกครื้นนัก จะได้มีหน้ามีตา ของขวัญของพวกเรา”

เนื่องจากอยู่ระยะไกลจึงได้ยินตะกุกตะกัก ขาดห้วง

“ประเสริฐ” เป็นเสียงขานรับจากคนแซ่ซุน “พวกเราออกเดินทาง ท่านวางใจ รับรองไม่พลาดเรื่องของอึงกง”

กล่าวจบก็เร่งฝีเท้าลงจากเขา

ปล่อยให้ความงุนงงสงสัยเป็นเรื่องของอึ้งย้งแต่เพียงผู้เดียว เพราะขบคิดคาดเดาไม่ออกว่า “อึงกง” นั้นมีความเป็นมาอย่างไร

จะคร่ากุมมาคาดคั้นก็ไม่ต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่น

รอจนพวกนั้นจากไปไกลจึงค่อยเดินเข้าศาลบูชา สำรวจดูทั้งหน้า-หลังเที่ยวหนึ่ง ไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติใด คาดว่าข้าศึกประชิดใกล้ ผู้ดูแลศาลบูชาล้วนหลบหนีเข้าเมืองจึงว่างเปล่าไร้ผู้คน

เมื่อออกจากศาลกลับเมือง ท้องฟ้าก็รุ่งสางรำไร

 

ขณะจะบรรลุถึงทางแยกนอกประตูเมืองตะวันตกก็เห็นม้าเร็ว 2 ตัวพุ่งสวนมา เห็นคนบนหลังม้าเป็น 2 ชายฉกรรจ์

พอควบขับถึงทางแยก

คนหนึ่งหันหัวม้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ อีกคนวกหัวม้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ได้ยินชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งกล่าว

“ท่านอย่าลืมบอกต่อเตียตั่วคัวจื้อ (คนขาถ่างแซ่เตีย) ชักนำคณะดีดสีตีเป่า ขบวนงิ้ว และพวกหุ่นเชิดที่เมืองฮั่นเค้ามาทั้งสิ้น ยังมีช่างประดับริ้วหลากสีและประทีปโคมไฟด้วย”

อีกคนกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

“ท่านอย่าได้เอาแต่กำชับเรา ท่านเองหากกวาดต้อนพ่อครัวปรุงอาหารเสฉวนมาสายไป 1 วัน ต่อให้อึงกงยกโทษให้แก่ท่าน ทั้งหมดก็จะเอาเรื่องท่าน”

คนแรกกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

“ไหนเลยผิดพลาดได้ หากมาสาย 1 วันให้ตัดศีรษะเราไปปรุงเป็นอาหารแทนหัวสุกรได้เลย”

ทั้ง 2 ประสานมือคารวะแก่กันและกัน แยกย้ายควบขับม้าจากไป

ยิ่งรับฟังยิ่งสร้างความสงสัยให้กับอึ้งย้ง “ฟังว่าเตียตั่วคัวจื้อเป็นผู้มีอิทธิพลแห่งเมืองฮั่นเค้า คบหากับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง จับจ่ายอย่างมือเติบ ผู้ห้าวหาญละแวกใกล้เคียงล้วนให้เกียรติแก่เขา เหตุใดอึงกงผู้นี้ออกปากคำเดียวก็เรียกหาเขามาได้

“พวกเขาเตรียมจัดงานใหญ่โตที่แท้คิดทำอะไร”

 

นี่ย่อมมิใช่เรื่อง “ชุมนุมผู้กล้า” สีสันส่อแนวโน้มว่าอาจเป็นอีกงานซึ่งจัดในลักษณะคู่ขนานกับงาน “ชุมนุมผู้กล้า” ก็เป็นได้

ยิ่งนำไปปรึกษาความกับก๊วยเจ๋ง อึ้งย้งหนักใจ

ตกลงอึงกงเป็นใคร ตกลงอิทธิพลของอึงกงจะมีมากน้อยเพียงใด ตกลงอึงกงจัดหาผู้คนมาด้วยวัตถุประสงค์ใด