บทวิเคราะห์ : ตลาดคอนโดกำลังอับเฉา ทาวน์โฮม-บ้านแฝดกลายเป็นตัวเลือกใหม่?

ตกลงว่า ตลาดคอนโดมิเนียมนั้นยอมรับกันแล้วว่า อิ่มตัวทุกระดับไม่ว่าราคาล่าง ราคากลาง และราคาสูง ความจริงสัญญาณนี้มีมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ตอนนั้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ก็ยังมีความหวังทางออกกับตลาดจีนที่เข้ามาโหมจองซื้อกันจำนวนมาก

แต่ถึงขณะนี้รัฐบาลจีนปิด “วาล์ว” ไม่ให้นำเงินออกมาซื้ออสังหาฯ ต่างประเทศ เพราะจีนกำลังเผชิญสงครามการค้ากับสหรัฐ พร้อมๆ กันนั้นการบริหารจัดการสไตล์ไทยแลนด์ 0.4 ตั้งแต่กรณีเรือล่มที่ภูเก็ต ตบนักท่องเที่ยวที่ดอนเมือง มาจนถึงตบทรัพย์การออกวีซ่าด่วน ทำให้ทั้งนักท่องเที่ยวจากจีนและนักลงทุนอสังหาฯ จากจีนลดลงอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ

ทางออกของนักพัฒนาอสังหาฯ จึงต้องหันมาพึ่งกำลังซื้อในประเทศ หันกลับมาใช้รูปแบบที่อยู่อาศัยแนวราบ

ที่อยู่อาศัยในฝันของคนไทย แต่ไหนแต่ไรมา ถามเมื่อไหร่ก็ตอบเหมือนเดิม คือ อยากได้บ้านเดี่ยว แต่เมื่อกำลังเงินในกระเป๋าไม่พอที่จะซื้อบ้านเดี่ยว จึงตัดสินใจตามชีวิตจริง

เริ่มตั้งแต่คอนโดมิเนียมราคาไม่แพงระดับ 1 ล้านกว่าไปจนถึงเกิน 2 ล้านบาท ถัดมาค่อยมาเลือกระดับทาวน์เฮาส์ 2 ล้านกว่าบาทไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่อมาก็เป็นพวกทาวน์โฮม ระดับ 5-6 ล้านไปจนถึง 7-8 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 10 กว่าล้านบาท

ซึ่งผู้บริโภคตัดสินใจตามกำลังเงิน เวลาในการเดินทาง และรสนิยมของแต่ละคน แต่ละครอบครัว

 

การชะลอโครงการคอนโดมิเนียม แล้วหันมาเป็นโครงการแนวราบมากขึ้นของบริษัทอสังหาฯ รอบนี้แตกต่างไปจากยุคก่อนนี้มากทีเดียว เพราะอุปสรรคสำคัญคือราคาที่ดินย่านต่างๆ สูงขึ้นไปมากทำให้ไม่สามารถทำโครงการในรูปแบบเดิมๆ ได้ ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ซื้อก็เปลี่ยนเจเนอเรชั่นมีรสนิยมต่างไปจากสมัยก่อน

โครงการแนวราบที่เปิดตัวในระยะหลังจึงมักมีรูปแบบใหม่ๆ ที่แตกต่างออกไป

ที่เรียกเสียงฮือฮามากในระยะนี้คือ โครงการ VIVE ที่ถนนบางนา-ตราด ก.ม.7 ของบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ โดยเรียกตัวเองว่าเป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภท Luxury Gallery House

ความแปลกใหม่ของโครงการนี้อยู่ที่รูปแบบเป็นอาคารแถวมีผนังติดกันแต่มีหน้ากว้าง 10 เมตร ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา (ทั่วไปจะมีหน้ากว้าง 5.7 เมตร) บนที่ดิน 40 ตารางวาซึ่งก็ใหญ่มาก ได้พื้นที่ใช้สอย 225 ตารางเมตร ซึ่งเท่ากับบ้านเดี่ยวขนาดกลางๆ เลยทีเดียว ราคาขายยูนิตละ 11-18 ล้านบาท

ถ้าเพียงแค่เห็นทำเล เห็นแบบบ้านและภาพเปอร์สเปกทีฟ ซึ่งเรียกว่าเป็นทาวน์โฮมหรูหน้ากว้าง 10 เมตรบนที่ดิน 40 ตารางวา ขายกว่า 10 ล้านบาท ผู้บริหารบริษัทอสังหาฯ ไม่ว่าใครก็คงต้องคิดกันหนักว่าตลาดจะตอบรับไหม จะขายได้ไหม

แต่สำหรับโครงการ VIVE นี้ มีคำตอบแล้ว คือขายดีมาก จนบริษัทอสังหาฯ ด้วยกันต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปเซอร์เวย์กันเพื่อเป็นกรณีศึกษา

 

อีกรายหนึ่ง บมจ.โกล์ดเด้นท์แลนด์ ซึ่งประสบความสำเร็จมากจากการปั้นโครงการทาวน์เฮาส์ระดับราคาประมาณ 2.5 ล้านบาท ทั่วกรุงเทพฯ สามารถสร้างยอดขายเกินหมื่นล้านบาท ปีหน้าโกล์ดเด้นท์แลนด์มีแผนปั้นแบรนด์เรือธงบ้านแฝด “นีโอโฮม” ลุยตลาด

โดยจะเป็นบ้านแฝดในทำเลกรุงเทพฯ ชั้นกลาง อาทิ ลาดพร้าว เกษตรนวมินทร์ สาธุประดิษฐ์ พระราม 3 บนที่ดิน 35 ตารางวา ขายในระดับราคา 5-7 ล้านบาท เพื่อชิงตลาดจากคอนโดฯ ในเมืองตารางเมตรละ 1 แสนกว่าบาท

และตลาดบ้านเดี่ยวชานเมือง 7-10 ล้านบาท ตอบสนองลูกค้าที่ไม่อยากอยู่อาศัยในแนวสูง แต่ก็ไม่อยากเดินทางไปกลับชานเมือง

การปรับตัวปรับรูปแบบที่อยู่อาศัยแนวราบนอกจาก 2 รายที่กล่าวแล้ว ยังมีบริษัทอสังหาฯ อีกหลายรายที่ได้พัฒนารูปแบบทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม บ้านแฝด แบบใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งด้านทำเล ราคา และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค

ในตลาดเสรี จะเห็นการแข่งขัน เกิดการพัฒนาที่แปลกใหม่ ก้าวไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผู้บริโภคได้รับการตอบสนองที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

ผิดกับอะไรที่วางกฎกติกาเพื่อผูกขาด กลัวไม่อยากมีคู่แข่งขัน ย่อมเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาใดๆ และสุดท้ายกฎกติกาที่วางไว้จะย้อนกลับมาผูกคอตัวเอง

รอดูไตรมาสแรกปีหน้า ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร