อุรุดา โควินท์ / อาหารไม่เคยโดดเดี่ยว : กินกับใครก็ไม่เหมือนกับเธอ

ฉันบอกเขาว่า เราจะกินน้ำพริกข่ากับเห็ดนึ่ง ขณะพูด ฉันจ้องจันทร์เสี้ยวบนฟ้า…

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ตอนที่ยังช่วยน้องสาวทำร้านอาหาร ไม่มีทางที่จะได้ยืดขาอย่างใจเย็นแบบนี้ ฉันต้องรีบวิ่ง รีบยืดกล้ามเนื้อ รีบซิ่งมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน เพื่อประจำการที่ร้าน

บ่อยครั้ง ฉันไม่ทันได้อาบน้ำ เข้าครัวทั้งชุดวิ่ง และบางวัน ฉันก็เพียงแค่กลับมาอาบน้ำ นั่งเฝ้าโต๊ะที่ว่างเปล่า กระทั่งร้านปิด

ฉันชอบทำอาหารมาก แต่ร้านอาหารเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำ มันแตกต่างโดยสิ้นเชิง ระหว่างทำอาหารให้เพื่อนกิน กับการทำร้านอาหาร

อย่างแรก ฉันทำอย่างมีความสุข อย่างที่สอง ฉันสนุกกับความท้าทาย ฉันผูกพันกับเพื่อนร่วมงาน และลูกค้าประจำ

แต่สุดท้าย ฉันรู้-ฉันเกิดมาเพื่อทำสิ่งอื่น ไม่ใช่ร้านอาหาร และเป็นไปไม่ได้เลย ที่คุณจะทำงานอื่นควบคู่ไปกับทำร้านอาหาร

เพราะเมื่อคุณตัดสินใจเปิดร้าน นั่นหมายถึงคุณต้องทุ่มเทพลังงานทั้งหมดเพื่อร้านของคุณ

ฉันภูมิใจที่ได้เดินผ่านเส้นทางนั้น ทั้งไม่คิดจะย้อนคืน

 

“ที่พูทักเมื่อกี้คือพี่จันทรา คนที่ทำให้พูชอบกินน้ำพริกข่า น้ำพริกอ่อง และยำผัก แกมาเดินออกกำลังกายทุกเย็นเลย” ฉันบอกเขา

“ได้คุยกับแก ก็เลยอยากกินน้ำพริกข่าขึ้นมา”

ฉันพยักหน้า

เขาหัวเราะ “อย่างนี้นี่เอง”

ฉันก็เหมือนเขา และอาจเหมือนใครหลายคน ที่เริ่มต้นด้วยความไม่เข้าใจ ว่าน้ำพริกข่าอร่อยอย่างไร มันซ่า ซ่านลิ้น เผ็ด และเค็ม ฉันได้รับทุกรส แต่ฉันไม่เคยอร่อย กระทั่งได้กินกับพี่จันทรา

น้ำพริกข่าถ้วยแรกที่เปลี่ยนใจฉันเป็นฝีมือเธอ และการได้กินกับเธอ ก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ารสชาติของน้ำพริก

พี่จันทราไม่กินน้ำพริกข่ากับจิ้นนึ่งเหมือนคนอื่น เธอกินกับเห็ดนึ่ง

ฉันต้องย้ำว่า เห็ดนึ่งเท่านั้น

เธอตำน้ำพริกข่าทุกวันพระ นึ่งข้าวร้อนๆ พอข้าวสุกก็นึ่งเห็ดนางฟ้า หรือเห็ดถอบ มีข้าวเหนียวในกระติก มีน้ำพริกข่าหนึ่งถ้วย และมีเห็ด เธอผ่านวันพระอย่างเอร็ดอร่อย

โดยไม่แตะต้องเนื้อสัตว์ ไม่-กระทั่งไข่

 

แรกทีเดียว ฉันร่วมวงกับเธอเพราะเห็นแก่ข้าวเหนียว ฉันแพ้ทางข้าวเหนียวนึ่งใหม่ ยิ่งล้อมวงกิน กินด้วยกันหลายคน ฉันก็ยิ่งอร่อย

อาศัยข้าวเหนียวของเธอ ฉันทอดหมูมากินด้วย ข้าวเหนียวกับหมูทอด ยังไงก็ดีกว่า

ครั้นกินกับเธอบ่อยขึ้น ได้เห็นเธอปั้นข้าวเหนียวคำเล็กๆ จิ้มน้ำพริกข่า กินกับเห็ด อืม…ดูน่าอร่อยจัง

“พี่กินทุกวันพระ ไม่เบื่อเหรอ” ฉันถาม

“ลองสิ พี่ใช้ข่าสดตำ อร่อยกว่าแบบที่ขายในตลาด”

น้ำพริกข่าของเธอไม่เป็นผงเหมือนคนอื่น แต่รสชาติจะต่างกันสักแค่ไหนเชียว น้ำพริกข่าก็ต้องเป็นน้ำพริกข่าอยู่ดี

ไม่รอให้ฉันตัดสินใจ เธอวางเห็ดหนึ่งบนจานของฉัน ตักน้ำพริกข่าปลายช้อนหยอดด้านบน

เป็นคำแรก ครั้งแรก ที่ฉันรู้สึก-น้ำพริกข่าอร่อย แล้วน้ำพริกข่าก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

 

พี่จันทราบอกว่า น้ำพริกข่าไม่ได้กินกับจิ้นนึ่งอย่างเดียว ที่เข้ากับน้ำพริกข่ามากกว่าคือเห็ดนึ่ง

เธอใช้ข่าสดตำทีละน้อย ตำแล้วกินเลย จึงต่างจากน้ำพริกข่าแห้งๆ ที่ฉันตั้งแง่หนักหนา

นับจากวันนั้น ฉันกินข้าวเหนียวกับน้ำพริกข่ากับเธอ ทุกวันพระ ในครัวจะนึ่งข้าวแต่เช้า พอข้าวสุก เราจะกินข้าวด้วยกัน

น้ำพริกข่ากินดี กินได้บ่อย ไม่มีเบื่อ แต่มันอร่อยที่สุด ยามกินกับพี่จันทรา

หลังน้องสาวเลิกทำร้านอาหาร เราไม่มีมื้อแบบนั้นอีกเลย ฉันยังทำน้ำพริกข่ากินบ้าง ทำอย่างที่เธอสอน

มันง่ายมาก ง่ายเสียจนเมื่อรู้วิธีทำ คุณจะไม่ยอมซื้อกิน

 

นํ้าพริกข่ามีส่วนประกอบสามอย่าง หนึ่ง ข่าสด (เลือกข่าที่ไม่แก่นัก) สอง พริกแห้งคั่ว และสาม กระเทียมไทย

ตำข่ากับกระเทียมให้ละเอียดก่อน (ใช้ข่ามากกว่ากระเทียม) แล้วใส่พริกแห้งคั่วลงไป ตำให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือ ง่ายๆ แค่นี้ น้ำพริกข่าจะมีรสซ่า เผ็ด และเค็ม เป็นความซ่าที่สดชื่นอย่างประหลาด

สำรับของเราไม่เคยมีจิ้นนึ่ง ไม่ใช่เพราะพี่จันทราไม่กินเนื้อสัตว์ในวันพระ แต่จิ้นนึ่งที่อร่อย ควรเป็นวัวน้อย ซึ่งหากินยากขึ้นทุกที

และน้ำพริกข่าตำใหม่ กับเห็ดนึ่ง พร้อมข้าวเหนียวร้อนๆ ก็ดีเกินพอ

“อยากกินอะไรอีกมั้ย นอกจากน้ำพริกข่า” ฉันหันไปถามเขา ขณะขับรถกลับบ้าน

เขาหยุดคิด “ไม่นะ แค่นั้นพอ มันเข้ากันดี มีข้าวเหนียวใช่มั้ย”

ฉันพยักหน้า ต้องข้าวเหนียวอยู่แล้ว ข้าวเจ้าไม่เข้ากันนัก บางวันไม่มีข้าวเหนียว ฉันก็เอาเห็ดนั่นล่ะ จิ้มน้ำพริกกินจนอิ่ม

เขาเองเพิ่งกินน้ำพริกข่าอย่างจริงจัง เพราะเริ่มติดใจข้าวเหนียว

แวะตลาดซื้อเห็ดกับข้าวนึ่ง พอถึงบ้าน ฉันใช้เวลาตำน้ำพริกไม่ถึง 10 นาที ระหว่างนั้น ก็นึ่งเห็ดในลังถึงไปด้วย

“เราลวกได้มั้ย เห็ดน่ะ” เขาถาม

ฉันหัวเราะ ฉันเคยถามคำถามนี้

“ได้สิ แต่ไม่อร่อย” ฉันตอบเขา

และนี่คือคำตอบของพี่จันทรา หญิงสาวผู้ทำให้ฉันเข้าใจความอร่อยของน้ำพริกข่า

อีกทั้งฉันต้องยอมรับ-กินน้ำพริกข่ากับใคร ก็ไม่อร่อยเท่ากินกับเธอ