เปิดกล่องมรดก “เจ้าสัววิชัย” คุณค่าที่มากกว่า “แสนล้าน”

ถือเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของวงการกีฬาโลกสำหรับจากการไปของ “เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา” ประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และเจ้าของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จำกัด

แต่การจากไปของเจ้าสัววิชัยก็ได้ทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่ไว้ให้กับวงการกีฬาโลกที่นับได้ว่ามีคุณค่ามากกว่าทรัพย์สินมหาศาลแสนล้านบาท เพราะเขาได้ทิ้งมรดกในเรื่องการสร้างแรงบันดาลยิ่งใหญ่ที่ได้แสดงให้เห็นว่าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2015-2016 “เลสเตอร์ ซิตี้” เขียนบทเทพนิยายครั้งสำคัญให้เกิดขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังโลกด้วยการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมาอย่างยาวนาน

เทพนิยายบทนี้สร้างความตราตรึงใจอยู่ในวงการฟุตบอลทั่วโลก จนกลายเป็นแรงบันดาลใจครั้งสำคัญสำหรับผู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา และลุกขึ้นกลับมาสู้อีกครั้งกับคำว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

 

 

เจ้าสัววิชัยเป็นแฟนบอลตัวยงของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และมีตั๋วปีของสโมสร “เชลซี” ซึ่งจุดเริ่มต้นหน้าประวัติศาสตร์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2005 เจ้าสัววิชัยพร้อมด้วยครอบครัวศรีวัฒนประภาได้เข้าชมเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกของเชลซี ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์

แต่เจ้าหน้าที่ทีมเชลซีได้ตรวจร่างกายอย่างเข้มงวดมาก ครอบครัวศรีวัฒนประภาทุกคนเดินเข้าสนามไปหมดแล้ว เหลือเพียงวิชัยที่เดินรั้งท้าย ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่สนามเชลซีเกือบเอาเครื่องสแกนมากระแทกคางวิชัย เขาจึงเอามือปัด ทำให้การ์ดสนามไม่พอใจที่โดนตอบโต้จนมีเรื่องมีราวกันใหญ่โต

หลังจากนั้น เจ้าสัววิชัยบอกกับลูกชายก็คือ “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ว่า “วันหนึ่งเราจะซื้อทีม แล้วเอามาสู้เชลซีให้ได้” จนกระทั่งปี 2010 เขาตัดสินใจเข้าซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ จากเจ้าของสโมสรคนเก่าอย่าง “มิลาน มันดาริช” มหาเศรษฐีชาวอเมริกันเชื้อสายเซอร์เบีย

เจ้าสัววิชัยซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยราคา 40 ล้านปอนด์ เพื่อแลกกับการถือหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์ ก่อนที่จะเข้าถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์เต็มในปีเดียวกัน

โดยคาดว่าเขาใช้เงินไปร่วม 100 ล้านปอนด์ในการซื้อหุ้นสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ทั้งหมด

ภายหลังเข้ามาเทกโอเวอร์ เจ้าสัววิชัยใช้วิธีการบริหารสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยความเป็นครอบครัวเดียวกันกับทีมผู้บริหาร ผู้จัดการทีม และนักเตะ รวมทั้งสร้างความผูกพันร่วมกับแฟนบอลของสโมสรชาวเมืองเลสเตอร์อีกด้วย

วิชัยวางเป้าหมายต้องการทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ ก้าวสู่การเป็นทีมชั้นนำของอังกฤษ เพื่อต่อกรกับเชลซีให้ได้ ทำให้เขาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสโมสร ทั้งสนามซ้อม ระบบอะคาเดมี และดึงนักเตะโนเนมเข้ามาสู่สโมสรเพื่อปั้นไปเป็นซูเปอร์สตาร์

“ทัพจิ้งจอกสยาม” ใช้เวลาไม่นานเพียง 4 ปี จึงสามารถคว้าแชมป์ลีกแชมเปี้ยนชิพ พร้อมได้เลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จในรอบ 10 ปี ทำให้เจ้าสัววิชัยได้รับการยอมรับจากแฟนบอลสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นอย่างมากในเวลานั้น

ยิ่งไปกว่านั้น เข้าสู่เมื่อฤดูกาล 2015-2016 เจ้าสัววิชัยพาทัพเลสเตอร์ ซิตี้ ก้าวไปคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ทำให้แฟนบอลยิ่งรักและศรัทธาในตัวเจ้าของสโมสรชาวไทยรายนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งมีเจ้าของสโมสรฟุตบอลของอังกฤษที่เป็นชาวต่างชาติไม่กี่คนนักที่จะได้ การยอมรับเช่นนี้

อีกทั้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นยังเป็นเรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วทั้งโลก ไม่ใช่เพียงแค่วงการฟุตบอลเท่านั้น ที่ได้เข้าใจกับคำว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้บนโลกใบนี้” โดยในปีดังกล่าวนั้นแม้จะมีอัตราต่อรองเพียงการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเพียง 5000-1 เท่านั้น

แต่เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ทำได้สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่

“T”HE POSSIBLE MAN” เป็นข้อความที่ปรากฏอยู่ข้างโลงศพของเจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา ซึ่งถือเป็นข้อความที่สามารถอธิบายบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของเขาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดีกับความหมายว่า “ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้สำหรับผู้ชายคนนี้”

ทั้งการบริหารสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่เจ้าสัววิชัยได้แสดงให้เห็นว่าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นมาแล้วอย่างยิ่งใหญ่ รวมทั้งการบริหารธุรกิจอย่างกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ธุรกิจสินค้าปลอดอากรของไทยที่ก่อตั้งเมื่อปี 1989 และเติบโตภายในเวลาอันรวดเร็ว

เมื่อปี 2018 ” “Forbes” นิตยสารด้านธุรกิจชื่อดังระดับโลกได้จัดอันดับมหาเศรษฐีรวยที่สุดของโลกประจำปี 2018 โดยที่เจ้าสัววิชัยติดอันดับ 5 มหาเศรษฐีที่รวยสุดของไทย ด้วยทรัพย์สินมูลค่ากว่า 5.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.6 แสนล้านบาท

แต่ทรัพย์สินกว่าแสนล้านบาทเหล่านี้ไม่อาจเทียบคุณค่าได้กับมรดกอันยิ่งใหญ่ที่เจ้าสัววิชัยได้สร้างแรงบันดาลใจฝากเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลังได้มาสืบทอดเจตนารมณ์ของเขาต่อไป รวมทั้งลูกๆ ที่จะมารับมรดกอันยิ่งใหญ่ของผู้เป็นพ่อที่สร้างเอาไว้ เพื่อสืบทอดไปอย่างต่อเนื่องในอนาคต

นอกจากนี้ เจ้าสัววิชัยยังได้มอบมรดกตกทอดไปถึงวงการกีฬาของประเทศไทยจำนวนมากมายหลายโครงการ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นล้วนแล้วแต่มีส่วนสำคัญกับการสร้างรากฐานให้กับวงการกีฬาไทยได้เดินก้าวหน้าเติบโตไปอย่างเข้มแข็ง

โครงการ” “ฟ็อก ฮันท์” เป็นการคัดเลือกนักเตะเยาวชนไทยฝีเท้าดีจากทั่วประเทศผ่านการแข่งขันฟุตบอล” “คิง เพาเวอร์ คัพ” เพื่อให้เด็กไทยได้รับทุนการศึกษา พร้อมฝึกทักษะฟุตบอล ที่ประเทศอังกฤษเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นักเตะไทยได้มีโอกาสค้าแข้งในลีกอังกฤษ รวมทั้งลีกยุโรปได้ในอนาคต

โครงการ” “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์” เป็นการวางแผนโรดแม็ปส่งเสริมพัฒนาวงการฟุตบอลไทย และยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงพลังคนไทยที่สามารถก้าวไปสู่ระดับโลกได้ อย่างเช่น “ตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้กับการไปค้าแข้งกับทีมโอเอเช ลูเวิน ในลีกระดับดิวิชั่น 2 ของประเทศเบลเยียม สโมสรที่เจ้าสัววิชัยเป็นประธานสโมสรเช่นกัน

โครงการ” “ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย” เป็นการแจกลูกฟุตบอลให้กับเยาวชนไทยในต่างจังหวัด ได้มีโอกาสเข้าถึงอุปกรณ์กีฬาฟุตบอลที่จะช่วยส่งเสริมให้ได้มีการพัฒนาฝีเท้าต่อยอดไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพในอนาคต โดยโครงการนี้มีเป้าหมายที่จะแจกลูกฟุตบอลให้ครบ 1 ล้านลูกภายในปี 2022

โครงการมอบ” “สนามฟุตบอลหญ้าเทียม 100 สนาม” ให้กับชุมชนและโรงเรียน เพื่อเป็นการส่งเสริมและเปิดโอกาสให้กับเยาวชนไทยที่มีความฝันเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้มีสถานที่ ได้มีสนามฟุตบอลในการลับแข้งพัฒนาฝีเท้า เพื่อต่อยอดไปสู่ในอนาคต

โครงการ” “ก้าวคนละก้าว” ซึ่งคิง เพาเวอร์มอบเงินสนับสนุนโครงการ 100 ล้านบาท เพื่อสมทบทุนช่วยเหลือด้านอุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาล 11 แห่งทั่วประเทศผ่านทางผู้ริเริ่มโครงการอย่าง” “ตูน” อาทิวราห์ คงมาลัย” นักร้องชื่อดัง

ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ช่วยเหลือผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมการออกกำลังกายด้วยการวิ่งที่มีส่วนทำให้ยอดผู้ป่วยน้อยลงอีกด้วย

โครงการเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เจ้าสัววิชัยได้ทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่ฝากเอาไว้ให้กับวงการกีฬาไทย เพื่อต่อยอดพัฒนาเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งถือเป็นการสร้างความดีที่มีคุณค่ามหาศาลมากกว่าแสนล้านบาท จนไม่สามารถประเมินราคาออกมาได้…

สิ่งเหล่านี้เป็นมรดกที่มีคุณค่าอย่างมากต่อวงการกีฬาไทย และวงการกีฬาโลกซึ่งผู้ชายที่ชื่อว่า “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ได้ทิ้งเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลังได้สืบสอดและเรียนรู้ เพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้คนมากกว่าตัวเองผ่านเรื่องราวที่ “ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้สำหรับผู้ชายคนนี้”

โลกใบนี้จะจดจำคุณค่าอันยิ่งใหญ่ และจะจดจำชายผู้นี้ไปตราบนานแสนนาน…